สวัสดีค่ะ ดิฉันเริ่มทาน yaz แผงแรกวันที่ 03/12/62 โดยทานตั้งแต่วันแรกที่ประจำเดือนมา เวลา4ทุ่มเหมือนกันทุกวัน ช่วงแผงแรกมีเลือดออกกระปริบกระปรอย แต่พอเริ่มแผงที่2 (วันที่ 31/12/62) อาการเลือดออกหายไป แต่พอเมื่อเช้า(23/01/63) หลังปัสสาวะลองเช็ดแล้วมีเลือดออกสีแดงสดคล้ายประจำเดือนติดกระดาษ (ปริมาณเลือดที่ติดไม่ได้น้อยขนาดเป็นจุดเลือด แต่มีพอสมควร แต่ไม่ได้เต็มกระดาษ) ซึ่งก่อนหน้านั้นได้เริ่มรับประทานยา dicloxacillin เมื่อวันที่ 18/01/63 1. อาการดังกล่าวผิดปกติมั้ย หรือเกิดจากยา dicloxacillin แล้วยานี้มีผลต่อยาคุม yaz รึเปล่าคะ 3. ยาฮอร์โมนเม็ดสุดท้าย คือของวันนี้(23/01/63) เวลา4ทุ่ม ก็ควรทานต่อไปตามปกติใช่หรือไม่คะ

1. ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง เลือดกะปริบกะปรอยนั้นก็น่าจะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมเองค่ะ อาจพบได้ในการใช้แผงแรก ๆ (1 - 3 แผงแรก) นะคะ

2. อ้างอิงตามข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน Dicloxacillin ไม่ได้ลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดค่ะ หากจำเป็นก็สามารถใช้ร่วมกับยาคุมยาสได้นะคะ

3. รับประทานต่อได้ตามปกติไปจนครบทั้ง 28 เม็ดค่ะ ประจำเดือนควรจะมาในช่วงที่รับประทานเม็ดแป้งของแผง ซึ่งโดยทั่วไปจะมาประมาณเม็ดที่ 27 หรือ 28 ของแผงค่ะ

ถ้าไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ดังที่เคยแนะนำไปข้างต้น ก็ให้รอดูไปก่อนนะคะ เพราะเลือดที่ออกมาในวันนี้น่าจะเป็นเพียงเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา เช่นเดียวกับที่พบในวันก่อน ๆ นั่นเองค่ะ

ต้องให้ระดับฮอร์โมนในเลือดลดต่ำลงมากพอจึงจะเกิดการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกและมีประจำเดือนมานะคะ ดังนั้น โดยทั่วไป ประจำเดือนจึงมาหลังจากที่รับประทานเม็ดยาฮอร์โมนหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนจากนั้นเล็กน้อยค่ะ

เมื่อผู้ถามรับประทานยาคุมเม็ดที่ 24 ของยาสไปในคืนวันที่ 23 มกราคม นับจนถึงตอนนี้ ยังผ่านมาไม่ถึง 24 ชั่วโมงเลยนะคะ จึงเป็นไปได้ยากที่ระดับฮอร์โมนจะลดต่ำลงมากจนเกิดการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกตามรอบดังกล่าว

และข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน ก็ชี้ว่ายาปฏิชีวนะอย่าง Dicloxacillin ไม่ได้ลดประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด หากเลือดที่ออกมาในตอนนี้เป็นประจำเดือนจริง ๆ ก็ถือว่ามาเร็วผิดปกติ และหากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ก็น่ากังวลว่าหากยังคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ต่อ จะยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์หรือไม่

ดังนั้น หากเลือดที่ออกมามีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย ผู้ถามควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง รวมถึงพิจารณาว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปรับหรือเปลี่ยนสูตรยาคุมหรือวิธีคุมกำเนิดหรือไม่ค่ะ