February 01, 2020 19:23
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การที่ถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วระหว่างมีเพศสัมพันธ์นั้นจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการตั้งคราภ์ได้ครับ ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก่อนเพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85%
และหลังจากนี้หมอก็แนะนำให้รอสังเกตดูว่าประจำเดือนจะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ไม่แน่ใจนะคะว่ามีน้ำเชื้อในนั้นรึป่าวอะค่ะ แต่ตอนที่ดูไม่เห็นเลยนะคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
แม้ว่าจะอยู่ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" แต่ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ ดังนั้น การที่แฟนของผู้ถามใช้ถุงยางอนามัยป้องกันเมื่อมีเพศสัมพันธ์ จึงถือว่ารอบคอบดีแล้วนะคะ
แต่เมื่อถุงยางฉีกขาดก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากไม่มีผลป้องกันจากถุงยางที่ใช้แล้ว ดังนั้น หากยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ หากใช้เร็วและครบขนาด อาจช่วยลดความเสี่ยงให้เป็น 15% แทนได้
และถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติเดิม หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถึงแม้จะยังไม่มีอสุจิออกมา แต่ก็มีโอกาสที่จะมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ในกรณีนี้จึงยังถือว่ามีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ มากจึงควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดก่อนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
"ไม่แน่ใจนะคะว่ามีน้ำเชื้อในนั้นหรือเปล่า แต่ตอนที่ดูไม่เห็นเลยนะคะ"
เมื่อผู้ถาม "ไม่แน่ใจ" ก็ยิ่งรับรองไม่ได้ว่าจะปลอดภัยค่ะ
และในสถานการณ์ตามที่กล่าวมา คงเป็นไปได้ยากที่จะตรวจดูได้ว่ามีน้ำอสุจิอยู่ในถุงยางหรือไม่ เนื่องจากถุงยางมีการฉีกขาด จึงไม่ได้คงสภาพของถุงยางอีกต่อไป และของเหลวของทั้ง 2 ฝ่ายอาจผสมปนกันไปแล้ว
ดังนั้น หากยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร การป้องกันฉุกเฉินโดยเร็ว จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าไม่ป้องกันนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขอวิธีทานยาฉุกเฉินแบบละเอียดและถูกต้องหน่อยนะคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมฉุกเฉินที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย มีแค่เพียงชนิดที่เป็นตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลค่ะ แต่มี 2 รูปแบบ ก็คือ
1. รูปแบบแผงละ 2 เม็ด ซึ่งแต่ละเม็ดมีตัวยา 0.75 มิลลิกรัม (รวม 2 เม็ดก็เท่ากับ 1.5 มิลลิกรัม) ได้แก่ยี่ห้อ โพสตินอร์, มาดอนน่า, แมรี่พิงค์, นอร์แพ็ก และเลดี้นอร์
2. รูปแบบแผงละ 1 เม็ด ซึ่งมีตัวยาอยู่ 1.5 มิลลิกรัม ได้แก่ยี่ห้อ เมเปิ้ลฟอร์ท และแทนซีวัน
จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด หรือยี่ห้อใด ก็มีตัวยาเดียวกัน และมีปริมาณยารวมทั้งแผงเท่ากันนะคะ จึงสามารถใช้ยี่ห้อใดก็ได้ที่หาซื้อได้สะดวก เพราะประสิทธิภาพและผลข้างเคียงไม่ได้แตกต่างกันค่ะ
..
..
..
ส่วนวิธีรับประทาน มี 2 วิธี นั่นคือ
1. วิธีดั้งเดิม ให้รับประทานยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด โดยแบ่งรับประทานครั้งละ 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง
2. วิธีใหม่ ให้รับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียว ก็คือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว
ไม่ว่าจะใช้ตามวิธีดั้งเดิม หรือวิธีใหม่ ให้รับประทานเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ แต่ถ้าใช้ทัน 72 ชั่วโมงแรก จะมีประสิทธิภาพดีกว่า 72 - 120 ชั่วโมง
มีการศึกษาที่ชี้ว่าทั้ง 2 วิธีมีประสิทธิภาพและผลข้างเคียงไม่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม การศึกษาต่อมาชี้ว่าการใช้แบบครบขนาดในครั้งเดียว นอกจากจะสะดวก และไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานครั้งที่สองแล้ว ยังมีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพดีกว่าวิธีดั้งเดิม จึงแนะนำให้รับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้เลยค่ะ
..
..
..
แต่ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินต่ำกว่าวิธีคุมกำเนิดมาตรฐาน แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% จึงควรใช้เฉพาะในกรณีที่ฉุกเฉินหรือเกิดความผิดพลาดจากวิธีคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ อย่างในกรณีของผู้ถาม เมื่อมีปัญหาถุงยางฉีกขาดก็ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองเพื่อลดความเสี่ยงที่มีนะคะ
ไม่ควรนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เพราะเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ไม่พร้อมได้มากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คุณหมอคะหลังจากทานยาคุมฉุกเฉินแล้วจะหายจากอาการปวดหัวคลื่นไส้ตอนไหนคะ
สวัสดีค่ะ ดิฉันกลุ้มใจค่ะ ดิฉันเป็นประจำเดือนวันแรกวันที่ 26 ม.ค.ค่ะ แล้วมามีเพศสัมพันธ์วันที่ 1 ก.พ.ค่ะ ใส่ถุงค่ะแต่ถุงยางแตกได้ยินเสียงได้ชัดเลยค่ะแฟนเลยรีบเอาออก จะท้องไหมคะ ตอบกน่อยนะคะกลุ่มใจมากๆค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)