คุณตาดิฉันอายุ 96 ปีแล้วค่ะ ปวดเก๊าท์มานานหลายปีตั้งแต่ยังหนุ่ม ตอนสมัยหนุ่มท่านจะซื้อยากินเองตามร้านขายยา มาพบหมอช่วงหลังๆนี้แล้วค่ะ ก็ให้หมอดูยาที่กินประจำ หมอบอกว่ายาตัวนี้มีฤทธิ์ กดประสาท ทำให้หายจากอาการปวด แต่ไม่ได้ทำให้กรดยูริกลดลงเลย ตอนนี้มีโรคไตตามมา ระยะที่ 4 หมอก็ไม่ได้แนะนำให้ฟอก หมอให้ยาคลายกล้ามเนื้อ แต่ไม่ได้ให้ยาเก๊าท์ หมอบอกว่ายิ่งไปทำลายไตเพราะไตเสื่อมมากแล้ว แนะนำงดอาหารบางชนิด และให้ดื่มน้ำมากๆๆ อันนี้ไปหาโรงพยาบาลจังหวัด ช่วงหลังท่านมีความดันสูง เวียนหัวบ่อย วัดได้ 160 ขึ้นไป จึงไปโรงพยาบาลอำเภอใกล้บ้าน หมอก็ถามประวัติ อาการโรคอื่นๆ หมอก็ให้ยาโรคเก๊าท์มาด้วยหมอบอกยาตัวนี้ต้องกินตลอดชีวิต (อยากทราบว่าตกลงควรกินดีไหม ไป รพ.จังหวัด หมอไม่แนะนำมีผลต่อไตมากขึ้น พอไป รพ.อำเภอ หมอแนะนำให้กิน) ปัจจุบันยังมีอาการปวด ไตก็เริ่มทรุด ขอคำแนะนำหน่อยค่ะควรปฏิบัติอย่างไรดี

ในการรักษาโรคเก๊าท์เรื้อรัง (chronic gout) แพทย์จะรักษาด้วยยา โดยมักเป็นการให้ยาในระยะยาวเพื่อควบคุมให้ระดับของกรดยูริคให้ลดลงสู่ระดับปกติ ซึ่งยาที่ใช้รักษาเก๊าท์มีหลายตัวได้แก่
-Allopurinol เป็นยาพื้นฐานที่แพทย์ใช้เพื่อลดระดับกรดยูริค ยาAllopurinolเป็นยาที่เหมาะสำหรับภาวะที่มีการสร้างกรดยูริคมากเกินไป แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในรายที่ไตไม่สามารถกำจัดกรดยูริคได้ตามปกติ
-Febuxostat (Uloric) เป็นยาสำหรับรับประทาน มีความปลอดภัยสำหรับคนที่เป็นโรคไตและโรคตับที่ไม่รุนแรงนัก
-Probenecid (Benemid, Probalan):มักใช้รักษาคนที่เป็นโรคเก๊าท์ ที่มีต้นเหตุมาจากไตขับกรดยูริคได้น้อยเกินไป เป็นยาทีสามารถทำให้ไตขับเอากรดยูริคออกได้เพิ่มขึ้น แต่ยา probenecid จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อไตสามารถทำงานเป็นปกติ
ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาตัวนี้ในคนที่เป็นโรคไต
-Pegloticase (Krystexxa):เป็นยาที่ใช้รักษาคนทีเป็นโรคเก๊าท์รุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาตัวอื่น ๆ
ยาตัวนี้เป็นยาฉีดจะฉีดทุกๆสองอาทิตย์ ด้วยการฉีดเข้าเส้นเลือดดำอย่างช้าๆและใช้เวลานอนในการสังเกตอาการหลังจากฉีดยาถึง 4 ชั่วโมง เพราะยาตัวนี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ภายใน 2 ชั่วโมงหลังฉีดยา
ดังนั้นกรณีของคุณตา ควรเช็คชื่อยาและข้อบ่งใช้ของยาและต้องนำยาดังกล่าวไปปรึกษาแพทย์ที่เคยรักษาอยู่เดิมจะปลอดภัยกับผู้ใช้ยามากที่สุดค่ะ

ยาตัวนี้จัดเป็นยาอันตรายใช้รักษาโรคเก๊าท์เฉียบพลันหรือรักษาอากาคเก๊าท์กำเริบ มีข้อควรระวังในการใช้หลายประการ เช่น ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยานี้,ห้ามใช้ในผู้ที่มีแผลในกระเพาะและลำไส้ โรค ตับ โรคไต โรคหัวใจและระบบเลือด ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์ และควรใช้ยาอย่างระมัดระวังในผู้สูงอายุ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ตอนที่ไปพบแพทย์ได้แจ้งคุณหมอมั้ยคะ ว่าคุณตาป่วยเป็นโรคไตระยะ4