สวัสดีค่ะ ขอสอบถามค่ะ วันที่2/2 ได้มี พสพ ใส่ถุงยาง แล้วได้กินยาคุมฉุกเฉินไปตอน 19.45 แล้วกินเม็ดต่อไปตอนเช้า 7.45 ค่ะ วันนี้วันที่8/2 มีเลือดออกมาเหมือนประจำเดือนค่ะ สีแดงสด เวลาเข้าห้องน้ำเลือดไหลเหมือนเวลามีประจำเดือน ปริมาณเหมือนรอบเดือนเลยค่ะ แต่รอบเดือนจริงๆที่จะมีน่าจะประมาณ วันที่15-16 กพ ค่ะ เพราะเดือนที่แล้ว ปจด มาวันที่ 15 มค ค่ะ 1 สอบถามว่า ลักษณะดังกล่าวคือประจำเดือนจริงๆใช่มั้ยค่ะ หรือแค่เลือดออกผิดปกติ ผลจากยาคุมฉุกเฉินค่ะ 2แล้วในรอบเดือนปกติจะมาอีกมั้ยค่ะ

สวัสดีครับ
ถ้าหากเลือดที่ออกมานั้นออกมาในช่วงประมาณ 1 สัปดาห์หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินและยังไม่ตรงกับรอบประจำเดือนตามปกติก็มีโอกาสที่เลือดดังกล่าวจะเป็นเพียงผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินเท่านั้นครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำให้รอสังเกตดูก่อนว่าประจำเดือนจะมาตามเวลาปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไป ก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ถ้าใช้ถุงยางอนามัยถูกวิธี และไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล และไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เกิดผลข้างเคียงจากยานะคะ

เลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินควรจะเป็นเพียงหยดเลือดซึมหรือเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัยค่ะ

ส่วนประจำเดือนปกติ ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ ซึ่งยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาเร่งหรือเลื่อนประจำเดือน ดังนั้น หากไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่มากค่ะ

โดยที่รอบประจำเดือนปกติ จะเป็น 24 - 35 วัน ถ้าไม่ทราบข้อมูลเดิมของผู้ถาม การที่บอกวันที่ประจำเดือนมาครั้งล่าสุด ไม่สามารถบอกได้ว่ารอบประจำเดือนของผู้ถามเป็นเท่าไหร่ และมาตรงหรือไม่ นั่นทำให้คาดการณ์ได้ยากว่าประจำเดือนรอบนี้ควรจะมาเมื่อไหร่นะคะ

ดังนั้น ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตกขาวผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง แนะนำให้รอดูไปก่อนว่าจะมีเลือดออกมามากในลักษณะของประจำเดือนตามที่แนะนำไปข้างต้นหรือไม่

แต่ถ้ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือถ้ามีเลือดออกมามากหรือนานผิดปกติ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและพิจารณาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมนะคะ

ถ้าผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ ซึ่งหมายถึงระยะห่างจากวันแรกของการมีประจำเดือนรอบหนึ่งไปหาอีกรอบหนึ่ง มีระยะเวลาเท่า ๆ กัน หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วัน ประจำเดือนรอบต่อไปก็จะมาห่างจากวันแรกที่มีประจำเดือนรอบล่าสุดตามระยะห่างเดียวกันนั่นเองค่ะ

แต่ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้าไม่มั่นใจ และกังวลว่าอาจมีการตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

ถ้าได้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันอย่างถูกต้องแล้วก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ก็ยังมีโอกาสที่เลือดที่ออกมานั้นจะเป็นเลือดจากผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินได้

ในกรณีนี้จึงควรรอสังเกตประจำเดือนไปก่อนและให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูในกรณีที่ประจำเดือนไม่มาครับ

ถ้าใช้ถุงยางถูกวิธี และตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด ก็มีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงที่น้อยมากจนไม่น่ากังวล จึงไม่จำเป็นจะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เกิดผลข้างเคียงจากยาเลยนะคะ

แต่ถ้าใช้ถุงยางไม่ถูกวิธี หรือไม่ได้ตรวจสอบว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ การที่ผู้ถามรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองก็ถือว่าเหมาะสมและอาจช่วยลดความเสี่ยงให้เป็น 15% ได้ถ้าใช้เร็วและครบขนาดค่ะ
..
..
..
เมื่อไม่ทราบประวัติการมีประจำเดือนของผู้ถาม ก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเลือดที่ออกมานี้ มาตรงตามรอบประจำเดือนเดิมหรือเปล่า

แต่ถ้าพิจารณาว่า รอบประจำเดือนปกติอาจพบได้ 24 - 35 วัน (แตกต่างกันไปในแต่ละคน) ดังนั้น ถ้าประจำเดือนรอบล่าสุดมาวันที่ 15 มกราคม เลือดที่ออกมาวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ซึ่งห่างกัน 24 วันก็อาจเป็นประจำเดือนที่มาตามรอบปกติได้ ถ้าผู้ถามมีประจำเดือนมาทุก ๆ 24 วัน หรือใกล้เคียงนี้มาโดยตลอด

แต่ถ้าเป็นเพียงเลือดกะปริบกะปรอย ไม่ได้มามากจนชุ่มผ้าอนามัย ก็เป็นไปได้เช่นกันที่จะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งอาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทานค่ะ

ดังนั้น แนะนำให้รอดูไปก่อนตามที่แนะนำไปข้างต้นนะคะ และสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้หากไม่มั่นใจ โดยใช้ชุดทดสอบให้ถูกวิธี และตรวจในเวลาที่เหมาะสมค่ะ

ถ้ายังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าเบือดที่ออกมาคือประจำเดือน วิธีที่จะยืนยันได้ดีที่สุดว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ก็คือการตรวจการตั้งครรภ์ตามช่วงเวลาที่หใอได้แนะนำไปครับ

ถ้ามีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายวันที่ 2 กุมภาพันธ์ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้โดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ครับ และถ้าตรวจตามนี้ก็จะได้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ตรวจหลังตื่นนอนตอนเช้าของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ได้เลยค่ะ

ถ้าใช้ชุดทดสอบถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจในเวลาที่เหมาะสม เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% (หรือตามที่ชุดทดสอบยี่ห้อที่ผู้ถามจะใช้ให้การรับรอง) ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ