5 วิธีลดการระคายเคืองหลังโกนขน

เผยแพร่ครั้งแรก 5 พ.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
5 วิธีลดการระคายเคืองหลังโกนขน

การโกนขนอาจทำให้ผิวของคุณเรียบเนียนและน่ามองมากขึ้น แต่ในบางครั้งมันก็อาจทำให้ผิวระคายเคือง และทำให้รูขุมขนอักเสบ ซึ่งคุณสามารถเห็นเส้นขนเล็กๆ ค้างอยู่ในรูขุมขนเช่นกัน แม้ว่าไม่ใช่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง แต่มันก็สามารถทำให้คุณรู้สึกเจ็บและรำคาญได้ หากไม่อยากให้อาการแย่ลง คุณก็ควรหลีกเลี่ยงการเกาบริเวณผิวที่รูขุมขนอักเสบ และลองใช้วิธีดังนี้

1. น้ำมันทีทรี

น้ำมันทีทรีสามารถนำมาใช้ประโยชน์กับร่างกายได้หลายทาง ในกรณีนี้มันทำหน้าที่เป็นสารฆ่าเชื้อ ต้านการอักเสบ และความรู้สึกไม่สบายตัว แต่ก่อนที่คุณจะใช้น้ำมันชนิดนี้ คุณควรนำไปเจือจางกับน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้มันทำปฏิกิริยาที่ผิวรุนแรงเกินไป

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

วิธีทำ

  1. ให้คุณใช้น้ำมันทีทรี 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
  2. ล้างบริเวณที่เพิ่งโกนขนด้วยสบู่และน้ำเปล่า
  3. ใช้สำลีชุบน้ำมันที่เตรียมไว้ แล้วนำมาทาบริเวณที่มีปัญหา

คุณไม่จำเป็นต้องล้างน้ำมันออก และคุณสามารถทำได้วันละ 2 ครั้ง จนกว่าตุ่มจะหายไป ถ้าผิวของคุณมีความไวต่อสิ่งกระตุ้น ให้คุณทาน้ำมันทันทีหลังโกนขน การทำเช่นนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ตุ่มปรากฏขึ้นมาบนผิว

2. ประคบเย็น

การประคบเย็นถือเป็นอีกหนึ่งวิธีดีๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวระคายเคืองที่เกิดจากการโกนขน ซึ่งมันสามารถช่วยลดการระคายเคือง ความแดง และอาการคันได้ในทันที ทั้งนี้การประคบเย็นเหมาะแก่การทำบริเวณแนวบิกินี โดยให้คุณใช้น้ำแข็งไม่กี่ก้อนใส่ลงในผ้าขนหนูที่สะอาด จากนั้นก็นำไปวางไว้บนบริเวณที่ผิวระคายเคือง ซึ่งคุณสามารถทำเช่นนี้ได้หลายครั้งต่อวัน

3. วิชฮาเซล

วิชฮาเซลมีประโยชน์ต่อผิวมากมาย มันสามารถช่วยลดการอักเสบและรอยแดง นอกจากนี้น้ำมันที่สกัดจากวิชฮาเซลยังเป็นสารฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ ทำให้เหมาะแก่การนำมาใช้รักษาปัญหารูขุมขนอักเสบที่หากปล่อยทิ้งไว้ มันก็สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อ

วิธีทำ

  1. ใช้สำลีชุบวิชฮาเซล 3 ช้อนโต๊ะ
  2. นำมาทาบริเวณที่มีปัญหาหลายครั้งต่อวัน หลังการทาแต่ละครั้ง คุณจะสังเกตได้ว่าตุ่มที่ผิวค่อยๆ หายไป

4. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล

น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่ช่วยรักษาตุ่มที่เกิดขึ้นหลังโกนขน ซึ่งมันจะช่วยลดการอักเสบและทำให้ตุ่มแห้ง แต่ทั้งนี้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลไม่เหมาะกับคนที่มีผิวไวต่อสิ่งกระตุ้น และไม่ควรนำมาใช้กับบริเวณขอบบิกินี เพราะมันสามารถทำให้คุณรู้สึกเจ็บมาก

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

วิธีทำ

  1. ใช้สำลีจุ่มลงในน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล 1 ช้อนโต๊ะ และนำมาทาบริเวณที่มีปัญหา
  2. ปล่อยให้แห้ง และล้างออกด้วยน้ำเย็น
  3. ทำเช่นนี้ 3 ครั้งต่อวัน จนกว่าความรู้สึกแสบร้อนจะหายไป

5. เบกกิ้งโซดา

อีกหนึ่งทรีทเมนต์ที่ทั้งใช้ง่ายและสะดวกรวดเร็วคือ การใช้เบกกิ้งโซดากับน้ำ ซึ่งมันจะช่วยให้ปัญหาผิวบรรเทาลงในทันที และทำให้รู้สึกสดชื่น ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับคนที่รูขุมขนอักเสบ และคนที่มีบาดแผลจากแมลงกัด

วิธีทำ

  1. นำเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ จนเป็นเนื้อเดียวกัน และนำมาทาที่ผิว
  2. ปล่อยทิ้งไว้ 10 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำเย็น

อย่างไรก็ตาม นอกจากการใช้วิธีที่เราแนะนำข้างต้นแล้ว หากคุณมีรูขุมขนอักเสบหลังจากโกนขน ให้คุณหลีกเลี่ยงการเกาที่บริเวณดังกล่าว 3 วัน หรือจนกว่าตุ่มจะหายไป นอกจากนี้คุณไม่ควรบีบตุ่มสิว และไม่ใช้ใบมีดโกนซ้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงกว่าเดิมค่ะ

ที่มา: https://steptohealth.com/5-natural-remedies-for-razor-bumps/

 

 


14 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Razor Burn - Causes, Prevention & Remedies. Everyday Health. (https://www.everydayhealth.com/razor-burn/guide/)
How to Get Rid of Ingrown Hair, Removal Tips & Remedies. MedicineNet. (https://www.medicinenet.com/ingrown_hair/article.htm)
9 ways to treat and prevent razor burn. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/318235)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)