20 ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน

ความรู้ที่จะทำให้คุณทึ่งและประหลาดใจ
เผยแพร่ครั้งแรก 18 ม.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
20 ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน

การเรียนรู้ข้อเท็จจริงหรือสิ่งใหม่ๆ เกี่ยวกับโรคที่คุณกำลังเป็น หรือรู้จักคนที่กำลังเป็นอยู่เป็นเรื่องที่น่าสนุกเสมอ และการที่มีความตื่นตัวต่อโรคเบาหวานที่เพิ่มขึ้นจะทำให้คุณมีความสามารถในการควบคุมโรคได้มากขึ้น คุณคือคนที่ควรควบคุมโรค และการมีความรู้เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้คุณมีอาวุธต่อสู้กับโรคนี้

20 ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน

1. การตรวจเลือดแบบแรกที่เรียกว่า Clinitest ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1941 โดย Ames Diagnostics ทำโดยการปั่นปัสสาวะและน้ำในหลอดทดลอง และใส่เม็ดทดสอบสีฟ้าขนาดเล็กซึ่งจะทำปฏิกิริยาเคมี ที่สามารถรุนแรงถึงขั้นทำให้เกิดแผลไหม้ตามร่างกายจากความร้อนระดับสูงของปฏิกิริยาได้ โดยสีของของเหลวที่เปลี่ยนไปจะเป็นตัวแสดงว่ามีกลูโคสอยู่ในปัสสาวะหรือไม่

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

2. ในปี 1969 เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดแบบเคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตขึ้นโดย Ames Diagnostics เรียกว่า Ames Reflectance Meter (ARM) โดยต่อมาบริษัทนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Bayer เครื่องมือนี้หน้าตาคล้ายกับเรื่อง tricoder ในหนัง Star Trek ฉบับดั้งเดิม มีราคาประมาณ $650 และใช้สำหรับแพทย์ในโรงพยาบาลเท่านั้น เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยใช้ที่บ้านภายในสหรัฐอเมริกาเพิ่งออกวางจำหน่ายในช่วงหลังจากยุค 1980

3. Dr. Richard Bernstein ผู้เขียนหนังสือ Dr. Bernstein’s Diabetes Solution (ทางออกของโรคเบาหวานของ Dr. Bernstein) เป็นคนแรกที่ใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลแบบเคลื่อนที่ในการตรวจระดับน้ำตาลของตนเองที่บ้าน โดย Dr. Bernstein เป็นวิศวกรซึ่งป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เขาต้องการจะใช้เครื่อง ARM ที่อนุญาตให้ใช้ในแพทย์เท่านั้น เขาจึงขอให้ภรรยาของเขาซึ่งเป็นจิตแพทย์หาเครื่องมือนี้มาให้เขา ภายหลังจากการได้ตรวจวัดระดับน้ำตาลด้วยเครื่องนี้แล้ว การรักษาโรคเบาหวานของเขาก็ดีขึ้นอย่างมาก เขาจึงเริ่มออกรณรงค์เรื่องการใช้เครื่องตรวจวัดระดับน้ำตาลที่บ้านสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่เนื่องจากเขาไม่สามารถตีพิมพ์งานวิจัยของเขาลงในวารสารทางการแพทย์ได้ เขาซึ่งอายุ 43 ปีในขณะนั้นจึงตัดสินใจเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนแพทย์ และกลายเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านต่อมไร้ท่อ

4.  อินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากที่สุดในโลก

5. ประเทศที่มีสัดส่วนของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากที่สุดคือประเทศ Nauru บนเกาะในทะเลแปซิฟิกตอนใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กเป็นลำดับที่ 3 ของโลกรองจากนครรัฐวาติกัน และโมนาโก

6. บันทึกลายลักษณ์อักษรที่เก่าที่สุดที่ระบุถึงโรคเบาหวานคือบันทึก Ebers บนกระดาษปาปิรุสของชาวอียิปต์ในช่วง 1500 ปีก่อนคริสตกาล โดยระบุถึงอาการปัสสาวะบ่อย

7. อาการของโรคเบาหวานเช่นหิวน้ำ น้ำหนักลด และปัสสาวะบ่อย ถูกสังเกตตั้งแต่ 1200 ปีก่อนที่โรคนี้จะมีชื่อเรียก

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

8. แพทย์ชาวกรีกชื่อ Aretaeus เป็นผู้ที่เริ่มใช้คำว่า Diabetes ในช่วงศตวรรตที่ 1 หลังคริสตกาล และเชื่อว่าการถูกงูกัดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน

9. Dr. Thomas Willis (1621-1675( เรียกโรคเบาหวานว่าเป็นปีศาจที่น่าโมโห และบรรยายปัสสาวะของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ว่า หวานมากเหมือนเต็มไปด้วยน้ำผึ้ง หรือน้ำตาล นอกจากนั้นเขายังเป็นคนแรกที่บรรยายถึงอาการปวดแปล๊บจากการที่เส้นประสาทถูกทำลายจากโรคเบาหวาน

10. คำว่า Diabetes เป็นคำศัพท์ในภาษากรีกที่หมายถึง “การผ่านออก” เนื่องจากพบว่าปัสสาวะในผู้ป่วยโรคเบาหวานถูกขับออกอย่างรวดเร็ว และคำว่า mellitus เป็นคำภาษาละตินซึ่งหมายถึงหวานเหมือนน้ำผึ้ง

11. ในอดีต แพทย์จะทำการตรวจโรคเบาหวานโดนการชิมปัสสาวะว่ามีรสหวานหรือไม่ คนที่ทำหน้าที่ชิมปัสสาวะจะเรียกว่า ผู้ชิมน้ำ (Water taster) วิธีการตรวจสอบวิธีอื่นเช่นการดูว่ามีมดหรือแมลงวันมาตอมรอบปัสสาวะหรือไม่

12. ในช่วงปลายยุค 1850 แพทย์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Priorry ได้แนะนำผู้ป่วยโรคเบาหวานให้รับประทานน้ำตาลในปริมาณมาก ซึ่งแน่นอนว่าแนวทางการรักษาด้วยวิธีนี้เกิดขึ้นแค่ระยะสั้นๆ

13. Dr. Elliott P. Joslin ผู้ก่อตั้งศูนย์โรคเบาหวาน Joslin (Joslin Diabetes Center) เป็นแพทย์ที่เชี่ยวชาญเรื่องเบาหวานเป็นคนแรก และแนะนำเรื่องการจัดการตนเอง เขาเริ่มสนใจในโรคนี้เมื่อมีป้าเป็นโรคเบาหวาน และได้รับการแจ้งว่าไม่มีทางรักษาได้ และมีหวังน้อยมาก ซึ่งต่อมาป้าคนนี้ก็เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ในเวลาต่อมาไม่นาน แม่ของเขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานในปี 1898 (หลังจากที่ป้าเสียชีวิตไปไม่นาน) ซึ่งเป็นปีที่เขาเริ่มเป็นแพท์ เขาได้ช่วยแม่ของเขาดูแลโรคเบาหวาน และแม่ของเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานหลังจากนั้น 10 ปีซึ่งถือว่าค่อนข้างนานมากในสมัยนั้น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

14. Dr. Elliot P.Joslin ได้กล่าวว่า โรคเบาหวานเป็น “โรคเรื้อรังที่ดีที่สุด” เนื่องจากเป็นโรคที่สะอาด ไม่น่าเกลียด ไม่ติดต่อ มักไม่ปวด และตอบสนองต่อการรักษา

15. Dr. Priscilla White ได้เริ่มต้นการรักษาโรคเบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ โดยเธอได้เข้าร่วมกับ Dr. Elliott P. Joslin ในปี 1924 ซึ่งมีอัตราการคลอดสำเร็จเพียง 54% ในขณะที่เมื่อเธอเกษียนในปี 1974 มีอัตราการคลอดสำเร็จสูงถึง 90%

16. ก่อนปี 1921 ทางเลือกในการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 คือการอดอาหาร หรืออดอาหารกึ่งหนึ่ง

17. ในปี 1916 Dr. Frederick M. Allen ได้พัฒนาการรูปแบบการรักษาในโรงพยาบาลขึ้นโดยทำการจำกัดอาหารของผู้ป่วยโรคเบาหวาน เหลือเพียงแค่วิสกี้ผสมกับกาแฟดำ (หรือซุปใสในคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์) ผู้ป่วยจะได้รับอาหารผสมนี้ทุก 2 ชั่วโมงจนกว่าระดับน้ำตาลในเลือดจะหายไปจากปัสสาวะ (มักเกิดขึ้นใน 5 วัน) หลังจากนั้นผู้ป่วยจะได้รับประทานอาหารที่มีระดับคาร์โบไฮเดรตต่ำมากต่อ รูปแบบการรักษานี้เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดในช่วงนั้น และโครงการของ Dr. Allen นี้จุดประกายความสนใจของ Dr. Elliot P. Joslin ซึ่งได้นำมาใช้เป็นพื้นฐานของการศึกษา และการรักษาด้วยการควบคุมปริมาณแคลอรี

18. ในปี 1022 มีการค้นพบว่าตับอ่อนมีบทบาทในโรคเบาหวาน โดยนักวิจัยได้ทำการศึกษาการย่อยอาหารในสุนับที่ถูกตัดตับอ่อนออกในห้องปฏิบัติการ และพบว่ามีมดมาตอมปัสสาวะของสุนัขเหล่านี้จำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจปัสสาวะพบว่ามีน้ำตาลในระดับที่สูงมาก

19. โรคเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ถูกแยกประเภทอย่างเป็นทางการในปี 1936 อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่าง 2 ชนิดนี้นั้นมีการพบตั้งแต่ยุคปี 1700 ที่แพทย์พบว่ามีผู้ป่วยบางคนที่เป็นโรคเรื้อรังกว่าคนที่เสียชีวิตภายหลังจากการเริ่มมีอาการโรคเบาหวานน้อยกว่า 5 สัปดาห์

20. ยา sulfonylurea ซึ่งเป็นยารักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในรูปแบบกินชนิดแรกได้ถูกค้นพบในปี 1942


29 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Type 2 Diabetes: Overview and MOre. Verywell Health. (https://www.verywellhealth.com/type-2-diabetes-4014632)
Diabetes: Symptoms, treatment, and early diagnosis. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/323627)
Diabetes Quick Facts | Basics | Diabetes. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (https://www.cdc.gov/diabetes/basics/quick-facts.html)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)