อาการโคม่า

เผยแพร่ครั้งแรก 11 พ.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
อาการโคม่า

อาการโคม่า คือ สภาวะที่ผู้ป่วยหมดสติ ไม่มีการตอบสนองใดๆ และไม่สามารถปลุกให้ตื่นได้ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการบาดเจ็บทางสมอง โรคหลอดเลือดสมอง หรือเกิดจากสาเหตุอื่นๆ อย่างไรก็ตามขณะที่คุณไปเยี่ยมผู้ป่วยที่มีอาการโคม่า มีคำแนะนำบางอย่างที่คุณสามารถทำได้ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยฟื้นจากอาการโคม่า ซึ่งจะกล่าวต่อไปในบทความนี้

บทนำ

อาการโคม่า คือ ภาวะหมดสติที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองและไม่สามารถปลุกให้ตื่นได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

อาการโคม่าอาจเป็นผลมาจากการบาดเจ็บที่สมอง เช่น การบาดเจ็บที่ศีรษะรุนแรงหรือโรคหลอดเลือดสมอง อาการโคม่ายังสามารถเกิดจากพิษแอลกอฮอล์รุนแรงหรือการติดเชื้อในสมอง (encephalitis)

ผู้ป่วยโรคเบาหวานอาจตกอยู่ในภาวะโคม่าหากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำมาก (ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ) หรือสูงมาก (ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง)

อาการโคม่าคืออะไร?

คนที่อยู่ในอาการโคม่าจะหมดสติและมีกิจกรรมภายในสมองน้อย พวกเขายังมีชีวิต แต่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาและไม่แสดงอาการของการรับรู้ใดๆ

ดวงตาของผู้ป่วยโคม่าจะปิดและดูเหมือนจะไม่ตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมภายนอก พวกเขาจะไม่ตอบสนองต่อเสียงหรือความเจ็บปวด หรือไม่สามารถสื่อสารหรือเคลื่อนไหวร่างกายตามคำสั่งได้

คนที่อยู่ในอาการโคม่าก็จะมีการตอบสนองขั้นพื้นฐานที่ลดลงด้วย เช่น การไอและกลืน โดยพวกเขาอาจหายใจได้ด้วยตัวเอง แต่บางคนต้องมีการใช้เครื่องช่วยหายใจ

เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่มีอาการโคม่าอาจค่อยๆ เริ่มฟื้นสติและเริ่มมีการรับรู้มากขึ้น บางรายจะตื่นขึ้นมาหลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่คนอื่นๆ อาจเข้าสู่สภาวะผัก (vegetative state) หรืออยู่ในสภาวะที่มีสติน้อยที่สุด

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

การดูแลและการติดตามผู้ป่วยที่มีอาการโคม่า

แพทย์จะประเมินระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วยโดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Glasgow Coma Scale ซึ่งจะเป็นการติดตามอย่างต่อเนื่องว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร โดยแพทย์จะประเมินทั้งหมด 3 ส่วน ดังนี้:

  • ประเมินการลืมตา: คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ไม่มีการลืมตา และ 4 คะแนน หมายถึง ลืมตาได้เองอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ประเมินการพูด: คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ไม่มีการส่งเสียงใดๆ และ 5 คะแนน หมายถึง พูดคุยรู้สึกเป็นปกติ
  • ประเมินการเคลื่อนไหวของแขนและขา: คะแนน 1 คะแนน หมายถึง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ และคะแนน 6 คะแนน หมายถึง เคลื่อนไหวได้ตามคำสั่ง

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่อยู่ในอาการโคม่าจะมีคะแนนรวมของการประเมินดังกล่าวอยู่ที่ 8 คะแนน หรือน้อยกว่านั้น ยิ่งคะแนนน้อย หมายถึง ผู้ป่วยอาจประสบปัญหาความเสียหายของสมองอย่างรุนแรงและมีโอกาสน้อยที่จะฟื้นตัว

การดูแลในระยะสั้น ผู้ที่อยู่ในอาการโคม่ามักจะได้รับการดูแลในห้องผู้ป่วยวิกฤต (ห้องไอซียู) การรักษาในระยะนี้จะเกี่ยวข้องกับการดูแลให้ผู้ป่วยมีอาการคงที่ ดูแลเกี่ยวกับการทำงานของร่างกาย เช่น การหายใจ และความดันโลหิต รวมถึงรักษาสาเหตุของอาการโคม่าไปพร้อมๆ กัน

สำหรับการดูแลในระยะยาว ทีมบุคลากรทางการแพทย์จะดูแลผู้ป่วยด้วยการรักษาแบบประคับประคองที่ห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล การดูแลในช่วงนี้จะเกี่ยวข้องกับการให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์, การป้องกันการติดเชื้อ, การพลิกตัวผู้ป่วยเป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับ และการเคลื่อนไหวข้อต่อของผู้ป่วยเบาๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อติด

คุณสามารถทำอะไรได้บ้างขณะเยี่ยมผู้ป่วยโคม่า

ประสบการณ์ของการอยู่ในภาวะโคม่าของผู้ป่วยแต่ละคนจะแตกต่างกัน บางคนสามารถจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขาขณะที่พวกเขาอยู่ในอาการโคม่า ในขณะที่คนอื่นๆ ทำไม่ได้

ผู้ป่วยบางรายเมื่อพ้นจากอาการโคม่าแล้ว สามารถบอกได้อย่างมั่นใจว่ามีคนที่เขารักมาเยี่ยมขณะที่มีอาการโคม่า

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

เมื่อไปเยี่ยมเพื่อนหรือคนที่คุณรักที่มีอาการโคม่า คำแนะนำด้านล่างอาจเป็นประโยชน์สำหรับคุณ:

  • เมื่อคุณมาถึงเตียงผู้ป่วยแล้ว ให้คุณบอกผู้ป่วยไปว่าคุณคือใคร
  • พูดคุยกับผู้ป่วยเกี่ยวกับชีวิตของคุณในวันนั้น- อย่าลืมว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพูดต่อหน้านั้น ผู้ป่วยอาจได้ยิน
  • แสดงให้ผู้ป่วยเห็นถึงความรักและการสนับสนุนของคุณที่มีต่อเขา – แม้เพียงแค่นั่งและจับมือ หรือลูบที่ผิวหนังอาจทำได้สะดวกมากกว่า

ข้อมูลจากการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าการกระตุ้นความรู้สึกหลัก ได้แก่ การสัมผัส การได้ยิน การมองเห็น และการได้กลิ่น อาจช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวจากอาการโคม่าได้

เช่นเดียวกับการพูดคุยกับผู้ป่วยและการจับมือ คุณอาจต้องเปิดเพลงที่ผู้ป่วยชอบให้ฟังทางหูฟัง, วางดอกไม้ไว้ในห้อง หรือ ฉีดน้ำหอมที่ผู้ป่วยชอบ

การฟื้นจากอาการโคม่า

อาการโคม่ามักกินเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ โดยในช่วงเวลานั้นผู้ป่วยอาจเริ่มฟื้นขึ้นและมีสติรับรู้ หรือมีการเข้าสู่ระยะต่างๆ ของการหมดสติ ที่เรียกว่า สภาวะผัก หรือสภาวะที่มีสติน้อยที่สุด

  • สภาวะผัก (vegetative state)- ผู้ป่วยตื่นอยู่ แต่ไม่แสดงการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมใดๆ
  • สภาวะที่มีสติน้อยที่สุด (minimally conscious state)- เป็นสภาวะที่ผู้ป่วยมีการรับรู้อย่างจำกัด

บางคนอาจฟื้นตัวจากสภาวะเหล่านี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่บางคนอาจไม่ดีขึ้นเป็นปีๆ

ผู้ป่วยที่ฟื้นจากอาการโคม่ามักจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป และอาจมีอาการกระวนกระวาย หรือสับสนด้วย

บางคนจะฟื้นตัวเต็มที่และไม่ได้รับผลกระทบจากอาการโคม่า แต่คนอื่นๆ อาจมีความพิการเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากสมองได้รับความเสียหาย พวกเขาอาจจำเป็นต้องได้รับการกายภาพบำบัด, กิจกรรมบำบัด และการประเมินและการสนับสนุนทางด้านจิตวิทยาตลอดช่วงเวลาของการฟื้นฟูร่างกาย และบางรายอาจต้องได้รับการดูแลตลอดชีวิตที่เหลืออยู่

โอกาสของการฟื้นตัวจากอาการโคม่าขึ้นอยู่กับความรุนแรงและสาเหตุของการบาดเจ็บที่สมอง, อายุและระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ในอาการโคม่า แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าผู้ป่วยจะฟื้นตัวจากอาการโคม่าเมื่อไร, จะมีอาการโคม่าอีกนานเพียงใด และจะเกิดปัญหาในระยะยาวจากอาการโคม่าหรือไม่

https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/brain-nerves-and-spinal-cord/coma


17 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
อาหารต้านเชื้อราแคนดิดา (Candida Diet)
อาหารต้านเชื้อราแคนดิดา (Candida Diet)

หากจำนวนเชื้อราแคนดิดาในร่างกายมีมากเกินไป อาจนำไปสู่การติดเชื้อที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

อ่านเพิ่ม
การติดเชื้อราที่เล็บเท้า
การติดเชื้อราที่เล็บเท้า

คุณมีเล็บเท้าที่หนาและเป็นสีเหลืองหรือไม่?

อ่านเพิ่ม