กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

ชนะความขี้เกียจที่จะลดน้ำหนัก ด้วยวิธีการของคนประสบความสำเร็จ

เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
ชนะความขี้เกียจที่จะลดน้ำหนัก ด้วยวิธีการของคนประสบความสำเร็จ

ลดน้ำหนักกำลังเป็นเทรนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุดของการลดน้ำหนักก็คือ "ความขี้เกียจ" แต่ก็มีวิธีการสำหรับคนที่มีความขี้เกียจ ให้สามารถลดน้ำหนักได้ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับคนอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดลับสำหรับคนขี้เกียจที่ต้องการจะลดน้ำหนักโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้

อันดับแรกตั้งเป้าหมายให้เหมาะกับตัวเอง

เมื่อเรารู้ตัวเองว่าเรานั้นเป็นคนขี้เกียจ ไม่ยอมออกกำลังกายเป็นประจำแน่ๆ เราก็ตั้งเป้าหมายน้อยกว่าคนปกติ เช่นถ้าคนออกกำลังกายตั้งเดือนละ3กิโลกรัม เราควรตั้งสักเดือนละ 1กิโลกรัม เพราะการตั้งเป้าหมายสูงเกินไป แล้วไม่สามารถทำได้ จะทำให้ล้มเลิกเสียส่วนใหญ่ แต่การทำตั้งเป้าหมายน้อยๆ แต่สามารถทำได้เรื่อยๆ ในที่สุดเราก็สามารถมีรูปร่างที่ดีได้ แม้ว่าจะใช้เวลามากกว่าคนอื่นก็ตาม และยังสามารถเพิ่มเป้าหมายได้เมื่อเรามีความมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิมในอนาคต

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
คอร์สลดน้ำหนักออกกำลังกาย วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 441 บาท ลดสูงสุด 59%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

เอาของดีๆ ไว้ใกล้ตัว ของไม่ดีอย่าให้มี

เมื่อเราเป็นคนที่ขี้เกียจ เมื่ออะไรอยู่ใกล้ตัวเราก็มักจะหยิบมากทาน มากกว่าที่จะเดินไปซื้ออาหารภายนอกกิน น้ำเปล่าเราควรติดโต๊ะทำงานไว้ตลอด เพื่อเลี่ยงจากการเดินไปหาเครื่องดื่มที่มีแคลอรี ในตู้เย็นเราควรมีแต่ของที่ประโยชน์ เช่นผักสลัด เนื้อไก่ นมสด เป็นต้น ขนมหวาน น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรหายไปจากตู้เย็นของเรา แค่นี้ความขี้เกียจของคุณก็จะช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณราบรื่นมากกว่าเดิมแน่นอน

อย่าฝืนหากไม่ไหว

การลดน้ำหนักแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ดี แต่การที่เราทำอะไรที่ฝืนตัวเอง จะนำพาไปสู้การล้มเลิกในที่สุด เราควรจะทำตามความสามารถ และความตั่งใจของเราว่าเราสามารถทุ่มเทให้กับการลดน้ำหนักครั้งนี้ เพื่อไม่ให้ร่างกายและจิตใจรู้สึกทรมาน และจะส่งผลในทางตรงข้ามเสมอ

คุมอาหาร

เมื่อเราเลือกที่จะไม่ออกกำลังกาย แน่นอนว่าเราต้องคุมอาหารเป็นการแลกเปลี่ยน สำหรับคนขี้เกียจนั้น การจะให้ทำอาหารทานเองคงเป็นเรื่องที่ยากดังนั้นคำแนะนำสำหรับการคุมอาหารสำหรับคนขี้เกียจมีดังนี้ อันดับแรก ถ้าเจอของที่ดีต่อสุขภาพ ให้ซื้อสำหรับมื้อต่อไปไว้เลย ขั้นต่อไปคือควรทานอาหารให้เป็นเวลา และลดแป้งในมื้อเย็น สุดท้ายคือขี้เกียจออกกำลังกาย อย่าขยันหาอะไรกิน เมื่อเราเลือกที่จะออกกำลังกายน้อย เราก็ต้องไม่กินจุกจิก ตามคำแนะนำของนักโภชนาการ สำหรับผู้หญิงไม่ควรเกิน 1200 แคลอรี ผู้ชายอยู่ที่1500แคลอรี ต่อหนึ่งวัน คือพลังงานที่เราควรได้รับ และไม่ควรน้อยเกินไปกว่านี้เพราะจำนำคุณไปสู่การโยโย่ในอนาคต

ค่อยๆ ปรับนิสัย

แน่นอนว่าการขี้เกียจเป็นอุปสรรค์ต่อการลดน้ำหนัก และดูแลรูปร่างในระยะยาวอย่างแน่นอนดังนั้น เราจึงต้องค่อยเปลี่ยนนิสัย เริ่มหันมาออกกำลังกายเล็กน้อย ซึ่งอาจทำหลังจากน้ำหนักลงมาได้สักพัก มีกำลังใจมากขึ้น หรืออาจเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตประจำวันให้เหมาะสมเช่นใช้การเดินแทนยานพาหนะ ในระยะทางใกล้ ขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ เป็นต้น ค่อยๆลดระดับความขี้เกียจของเราลง การลดน้ำหนักของเราก็จะดีขึ้นและง่ายขึ้น

ทำความเข้าใจธรรมชาติของการลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักมีช่วงที่ลดเร็ว ลดช้า และคงที่(คือลดไม่ลง) คนขี้เกียจอาจเกิดความท้อในช่วงที่ลดช้าหรือไม่ลด แต่ถ้าเราเข้าในในธรรมชาติของเรื่องนี้ เราจะไม่ท้อก่อนจะไปถึงปลายทาง

นอนหลับ

น่าจะเป็นสิ่งที่ชอบที่สุดสำหรับคนขี้เกียจ การที่เราพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสอง เราควรนอนหลับให้สนิทในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จะดีต่อสุขภาพของเราอย่างมาก

ลองนำวิธีการเหล่านี้ไปใช้ในการลดน้ำหนักของคุณดู หากคนเป็นคนที่ขี้เกียจคนหนึ่ง วิธีการเหล่านี้น่าจะช่วยให้การลดน้ำหนักของคุณได้ผลไม่ต่างจากคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอย่างแน่นอนแต่เหนือวิธีการใดๆ ก็คือความตั้งใจของเราเอง


9 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
16 Ways to Motivate Yourself to Lose Weight. Healthline. (https://www.healthline.com/nutrition/weight-loss-motivation-tips)
How to Stop Being Lazy: 17 Healthy and Practical Strategies. Healthline. (https://www.healthline.com/health/how-to-stop-being-lazy)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป