อาการแสดงและอาการของลิ่มเลือด

คุณมีลิ่มเลือดหรือไม่ ?
เผยแพร่ครั้งแรก 7 ต.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
อาการแสดงและอาการของลิ่มเลือด

การมีลิ่มเลือดอาจทำให้เกิดปัญหาที่ร้ายแรงได้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่คุณกำลังพักฟื้นหลังการผ่าตัด

ร่างกายของเรามีความสามารถในการทำให้เลือดกลายเป็นลิ่มเลือดขึ้นมาเพื่อที่จะป้องกันการสูญเสียเลือดที่อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ เช่น จากการได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอย่างการถูกมีดบาด แต่การที่มีลิ่มเลือดนั้นอาจไม่ได้ดีเสมอไป เพราะลิ่มเลือดอาจเกิดขึ้นในเวลาที่ไม่เหมาะสมหรือในตำแหน่งที่ไม่ต้องการก็เป็นได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ทำไมถึงเกิดลิ่มเลือด ?

ในสภาวะปกติ เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บจะมีการสั่งการให้เกิดกลไกการห้ามเลือดเพื่อป้องกันไม่ให้เสียเลือด นั่นคือการสร้างลิ่มเลือดขึ้นมาในตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บ แต่หากร่างกายไม่สามารถเกิดกลไกการสร้างลิ่มเลือดขึ้นได้นั้น เพียงการได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เช่นโดนมีดบาดที่นิ้ว อาจทำให้คุณเสียเลือดจนกระทั่งเสียชีวิตได้

ลิ่มเลือดคืออะไร?

เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บจะส่งผลให้หลอดเลือดได้รับบาดเจ็บตามมา การบาดเจ็บชนิดฟกช้ำคือเมื่อมีอุบัติเหตุใดที่ทำให้หลอดเลือดเสียหายจนเลือดที่อยู่ภายในหลอดเลือดไหลออกมาทำให้เห็นสีบริเวณผิวหนัง

เมื่อไรก็ตามที่คุณได้รับบาดเจ็บที่ทำให้หลอดเลือดขนาดเล็กเสียหาย  เกล็ดเลือดจะมารวมตัวกันในตำแหน่งที่บาดเจ็บและจะเชื่อมต่อกันเพื่ออุดตำแหน่งที่เลือดจะออกมา เมื่อเกล็ดเลือดเริ่มทำงานจะมีโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ไฟบริน ทำหน้าที่เชื่อมสร้างเป็นร่างแหไฟเบอร์เพื่อสร้างความแข็งแรงของลิ่มเลือด

ให้จินตนาการว่าหลอดเลือดนั้นทำหน้าที่คล้ายกับเขื่อน: ทันใดที่เขื่อนเกิดมีรอยร้าวเล็ก ๆ ขึ้น น้ำในเขื่อนเริ่มที่จะไหลแทรกตัวออกมา เกล็ดเลือดจะเป็นตัวตอบสนองชนิดแรกที่เข้ามาในเหตุการณ์นี้ มันสามารถช่วยอุดรูรั่วดังกล่าวได้ชั่วคราว ไฟบรินจะเป็นตัวที่มาช่วยซ่อมเขื่อนในภายหลัง โดยเพิ่มความแข็งแรงของเขื่อนจนกระทั่งกลับมาแข็งแรงเช่นเดิมอีกครั้ง

ร่างกายของคุณสามารถสร้างลิ่มเลือดขึ้นมาเมื่อไรก็ตามที่ต้องการ เช่น เมื่อคุณไปชนเข้ากับบางอย่างแล้วเกิดจุดฟกช้ำขึ้นซึ่งเป็นตัวอย่างของลิ่มเลือดที่อยู่ภายในหลอดเลือด  หากปราศจากกระบวนการดังกล่าว เราสามารถเสียชีวิตได้จากการเสียเลือดถึงแม้จะเป็นการบาดเจ็บเล็กน้อยก็ตาม

แล้วเมื่อไรที่จะเกิดลิ่มเลือดที่ไม่ดีขึ้น ?

ลิ่มเลือดนั้นเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทรอมบัส(thrombus) ซึ่งสามารถทำให้เกิดปัญหาได้ 2 ทางด้วยกัน อย่างแรกคือ เมื่อทรอมบัสนั้นกลายเป็นเอ็มโบลัส ซึ่งหมายถึงการหลุดลอยของทรอมบัสไปยังตำแหน่งอื่น ๆ ที่ไม่ต้องการผ่านทางกระแสเลือด  นอกจากนี้ ทรอมบัสยังทำให้เกิดปัญหาได้อีกเมื่อมันมีขนาดใหญ่มากจนอุดตันหลอดเลือด ซึ่งมักจะเห็นได้ในเหตุการณ์ที่พบบ่อย เช่น ภาวะหัวใจล้มเหลว เส้นเลือดสมองอุดตัน และภาวะหลอดเลือดขาอุดตัน

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

หลอดเลือดแดงนั้นจะมีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ เมื่อยิ่งห่างจากหัวใจ ฉะนั้นลิ่มเลือดที่อยู่ใกล้หัวใจจะไปอุดหลอดเลือดที่มีขนาดเล็กกว่า ซึ่งจะทำให้เลือดที่ขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงในตำแหน่งนั้น ๆ ไม่สามารถไปเลี้ยงได้อย่างเพียงพอ ภาวะเส้นเลือดสมองอุดตันชนิดembolic stroke เป็นตัวอย่างที่พบบ่อยที่สุดในภาวะเส้นเลือดสมองอุดตัน ซึ่งเกิดจากการที่มีลิ่มเลือดลอยไปอุดตันบริเวณสมอง ทำให้ไม่มีเลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงได้อย่างเพียงพอ

ในทางตรงกันข้าม หลอดเลือดดำนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อนำเลือดกลับเข้าสู่หัวใจ ดังนั้นลิ่มเลือดที่อยู่ในหลอดเลือดดำสามารถผ่านเข้าสู่หัวใจส่งออกไปยังปอด ซึ่งจะนำมาสู่ภาวะที่อันตรายถึงชีวิตที่เรียกว่า ภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นในหลอดเลือดปอด(pulmonary embolism)  นอกจากนี้ยังมีการอุดตันของหลอดเลือดอื่น ๆ ที่พบบ่อย นั่นคือการอุดตันของหลอดเลือดบริเวณขา

อาการแสดงและอาการของลิ่มเลือด

อาการแสดงและอาการของลิ่มเลือดนั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งของลิ่มเลือดว่าอยู่ที่ใด อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับว่าลิ่มเลือดอยู่ในหลอดเลือดแดงหรือหลอดเลือดดำ รวมถึงขนาดของหลอดเลือด  ความรุนแรงของอาการนั้นหลากหลาย อาจรุนแรงถึงขั้นเป็นเส้นเลือดในสมองอุดตัน หรือมีเพียงอาการปวดขาเล็กน้อย

อาการแสดงและอาการเบื้องต้นที่แสดงถึงการมีลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงมีดังนี้ :

  • มีอาการปวดปานกลาง-รุนแรงเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
  • ผิวซีดในตำแหน่งที่มีการอุดตัน
  • มีความรู้สึกคล้ายเข็มทิ่ม
  • มีอาการบวมเหนือบริเวณที่มีการอุดตัน

หากมีลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงที่บริเวณสมอง (หลอดเลือดสมองอุดตัน) อาจจะทำให้เกิดอาการสับสนหรืออาการอัมพาตตามมา แต่ลิ่มเลือดที่อยู่บริเวณขา (หลอดเลือดขาอุดตัน) นั้น อาจทำให้มีอาการปวด ผิวหนังที่ขามีสีซีดลง มีความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป เช่น รู้สึกเหมือนมีเข็มทิ่ม ความสามารถในการเดินลดลง  นอกจากนี้หากมีลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่เลี้ยงหัวใจอาจทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดหัวใจขาดเลือด หรือหัวใจล้มเหลวได้

อาการแสดงและอาการของหลอดเลือดดำอุดตัน ดังนี้

  • ตำแหน่งที่มีการอุดตันร้อนขึ้น
  • มีอาการบวม
  • มีอาการเจ็บ
  • มีอาการปวดปานกลาง-รุนแรงซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นชั่วโมงหรือเป็นวัน

ตัวอย่างเช่น การมีลิ่มเลือดที่ขา ซึ่งรู้จักกันในชื่อหลอดเลือดดำที่ขาอุดตันอาจทำให้เกิดอาการปวดและรู้สึกร้อนขึ้นมาในตำแหน่งที่มีการอุดตัน ขาด้านที่ผิดปกติจะมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าอีกข้างเนื่องจากมีการบวมและเมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ


21 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
How to Tell if You Have a Blood Clot: Symptoms in Legs, Lungs, and More. WebMD. (https://www.webmd.com/dvt/blood-clot-symptoms#1)
Blood Clots: Symptoms, Risks, When to Call A Doctor and More. Healthline. (https://www.healthline.com/health/how-to-tell-if-you-have-a-blood-clot)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดหัวใจ
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัดหัวใจ

รู้จักความเสี่ยงในการผ่าตัดหัวใจ การผ่าตัดใหญ่ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน

อ่านเพิ่ม