“มะเร็ง” ภัยร้ายที่พร้อมจะคร่าทุกชีวิต หากเราไม่รีบหาให้เจอ 

มะเร็ง เกิดจากการที่เซลล์เจริญเติบโตผิดปกติ ร่างกายควบคุมไม่ได้จนเกิดเป็นก้อนเนื้อ แผลลุกลาม และแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย จากนั้นก็เริ่มเข้าทำลายอวัยวะต่างๆ เนื้อเยื่อ ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง และในที่สุดก็จะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด กระแสน้ำเหลือง 

ความร้ายกาจของมะเร็งคือ มักไม่ส่งสัญญาณให้เรารู้ตัว ทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่กว่าจะรู้ว่าเป็นโรคมะเร็ง เชื้อมะเร็งในร่างกายก็ลุกลามไปไกลเกินกว่าจะรักษาให้หายขาดได้ 

คุณสามารถลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ด้วยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทั้งหลาย และเข้ารับการตรวจมะเร็งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รู้ทันเจ้าโรคร้ายชนิดนี้ว่า กำลังทำอะไรกับร่างกายของเราอยู่หรือไม่

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง

ปัจจัยที่ 1  คืออายุ ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ เพราะโอกาสที่เซลล์กลายพันธุ์ในร่างกายจะผิดปกติมีสูงขึ้น พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งเกินครึ่งตรวจพบมะเร็งตอนมีอายุมากกว่า 66 ปี

ปัจจัยที่ 2 บุคคลในครอบครัวที่มีประวัติเคยเป็นมะเร็งมาก่อน โอกาสที่รุ่นลูกหลานจะได้รับถ่ายทอดพันธุกรรมผิดปกติมาด้วยก็มีสูงเช่นกัน

ปัจจัยที่ 3 เชื้อชาติ บางเชื้อชาติมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งบางชนิดสูงกว่าเชื้อชาติอื่น เช่น คนผิวขาวมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาสูงกว่าคนชาติอื่น ลักษณะสิ่งแวดล้อม การบริโภคอาหารบางประเภท  การดื่มสุรา สูบบุหรี่ เหล่านี้ล้วนมีโอกาสทำให้เกิดมะเร็งได้โดยเฉพาะโรคมะเร็งตับ และมะเร็งปอด 

ปัจจัยที่ 4 โรคอ้วน เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งบางชนิด เช่น โรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งไต มะเร็งลำไส้ใหญ่ 

ปัจจัยที่ 5 การติดเชื้อโรคบางชนิด เช่น เชื้อเอชพีวี เชื้อเอชไอวี เชื้อแบคทีเรีย ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งตับ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ปัจจัยที่ 6 การได้รับรังสีบางชนิดในปริมาณสูงเกินไปและอย่างต่อเนื่อง เช่น รังสียูวีจากแสงแดด รังสีนิวเคลียร์จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งผิวหนัง มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้

จากสถิติโรคมะเร็งของคนไทยในปี 2548 จากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ 5 อันดับมะเร็งที่พบมากในเพศชาย ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเม็ดเลือดขาว สำหรับเพศหญิงได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่

ต้องทำอย่างไร? ถึงจะพบว่า เรามีโอกาสเป็นมะเร็ง

แม้ว่าการตรวจสุขภาพเป็นประจำอาจไม่ช่วยให้เราพบเซลล์มะเร็งได้หมดทุกแบบ จึงมี “การตรวจคัดกรองมะเร็ง” ซึ่งจะมีประโยชน์ในการตรวจมะเร็งบางชนิดได้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก  

ส่วนการตรวจมะเร็งจะเป็นการตรวจเมื่อคนไข้เริ่มมีอาการผิดปกติแล้ว แพทย์จะวินิจฉัยโดยการซักถามประวัติและปัจจัยที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งอย่างละเอียด หรือสั่งตรวจเพิ่มเติมตามอาการ เช่น การส่องกล้อง ตรวจเลือด รวมทั้งการดูด ตัดชิ้นเนื้อ ขูดเซลล์จากเยื่อบุอวัยวะนั้นๆ แล้วนำไปตรวจในห้องปฏิบัติการ

หากไม่แน่ใจในผลตรวจมะเร็ง แนะนำให้ลองตรวจกับแพทย์คนอื่น หรือโรงพยาบาลอื่นอีกครั้งว่า ผลสอดคล้องกันหรือไม่ 

ตรวจดูสัญญาณของร่างกายกันสักหน่อย คุณมีโอกาสเป็นมะเร็งหรือไม่ 

คุณสามารถตรวจอาการเบื้องต้นของร่างกายก่อนได้ว่ามีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหรือไม่ แต่อย่าเพิ่งตื่นตระหนกเมื่อมีอาการเหล่านี้เพราะบางครั้งคุณแค่เจ็บป่วยเล็กน้อยเท่านั้น 

ตัวอย่างอาการที่เป็นสัญญาณอันตรายต่อการเกิดโรคมะเร็งและพบได้บ่อย ได้แก่  ไอเป็นเลือด เสียงแหบโดยหาสาเหตุไม่ได้ มีความผิดปกติของระบบขับถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ เช่น ถ่ายเป็นสีดำ มีปัสสาวะปนเลือด มีเลือดออกทางช่องคลอด ประจำเดือนผิดปกติ ตกขาวมีกลิ่น หรือมีปนเลือด มีแผลแล้วรักษาไม่หาย กลืนอาหารลำบาก มีอาการจุดเสียดแน่นท้อง เลือดกำเดาไหลบ่อยโดยหาสาเหตุไม่ได้ 

ตรวจมะเร็งเบื้องต้น จะคุณผู้หญิง หรือคุณผู้ชายวัยไหนก็เลือกได้ ด้วยแพ็กเกจจาก HonestDocs 

พบกับความหลากหลายของแพ็กเกจการตรวจมะเร็งจาก HonestDocs ที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงอายุไหน จะเป็นเพศหญิง หรือชาย จะอยู่ในวัยรุ่นหรืออายุ 60 ปีขึ้นไป เราก็มีดีลพิเศษสุดคุ้มจากโรงพยาบาลชั้นนำ เช่น โรงพยาบาลยันฮี โรงพยาบาลธนบุรี 1 โรงพยาบาลสุขุมวิท โรงพยาบาลพญาไท 2 ที่พร้อมให้บริการตรวจมะเร็งหลายรายการ เช่น มะเร็งรังไข่ มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก เพื่อให้คุณเตรียมรับมือได้อย่างมั่นใจไร้กังวล จะความเสี่ยงแบบไหนที่ก็คลายความกังวลได้ดีลแพ็กเกจของ HonestDocs