คอร์สรักษาสิว 5 ขั้นตอน 8 ครั้ง แถมเลเซอร์หน้าใส 1 ครั้งพร้อมยาทา 2 ชุด ที่ Napassaree Clinic (นภัสรีย์คลินิก)

การรักษาสิว

สิว (Acne)⠀มักเกิดขึ้นบริเวณใบหน้า ลำคอ และลำตัวส่วนบน ที่มีต่อมไขมันอยู่หนาแน่น เช่น หน้าอก และหลัง เกิดจากการที่ผิวหนังสร้างไขมันมากเกินไปจนเกิดการอุดตันที่รูขุมขน และสามารถอักเสบได้หากติดเชื้อแบคทีเรีย หรือใช้เครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขน

ชนิดของสิว
แบ่งเป็น 2 ประเภทคือ สิวอุดตัน และสิวอักเสบ โดยแบ่งเป็นประเภทย่อยๆ ได้ดังนี้

สิวอุดตัน
-⠀สิวหัวดำ⠀หรือสิวอุดตันหัวเปิด เกิดจากการอุดตันรูขุมขนด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ลักษณะสิวมองเห็นจุดสีดำอยู่ตรงกลาง
-⠀สิวหัวขาว⠀หรือสิวอุดตันหัวปิด เกิดจากการอุดตันรูขุมขนด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วเช่นกัน ยังไม่มีรูเปิดทำให้ผิวถูกดันจนนูนขึ้นมา เมื่อปล่อยไว้นานจะขยายใหญ่ขึ้นและมีโอกาสกลายเป็นสิวอักเสบได้

สิวอักเสบ
-⠀สิวชนิดตุ่มนูนแดง⠀เป็นสิวอักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร ส่วนมากเป็นสิวอักเสบในระยะแรกที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน และไม่มีอาการเจ็บมากนัก
-⠀สิวหัวหนอง⠀เป็นสิวอักเสบที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร มีหัวหนองสีเหลืองด้านบน
-⠀สิวอักเสบแดงเป็นก้อน⠀เป็นสิวอักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงขนาดใหญ่เกิน 0.5 เซนติเมตร เป็นไตแข็งอยู่ใต้ผิวหนัง เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ และอาจเกิดแผลเป็นหลังหายได้
-⠀สิวหัวช้าง⠀เป็นสิวที่มีการอักเสบรุนแรงมาก มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่ เมื่อกดลงไปจะรู้สึกแข็งเป็นไตร่วมกับอาการเจ็บปวด ภายในสิวหัวช้าง 1 ตุ่ม อาจพบหัวสิวได้มากถึง 2-3 หัวสิว มีหนองและอาจมีเลือดออก รักษาได้ยาก และอาจเป็นแผลเป็น ควรพบแพทย์เพื่อรักษา

วิธีการรักษาสิว
การรักษาสิวอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ โดยมีทางเลือกในการรักษาดังนี้
-⠀ใช้ยารักษาสิว⠀โดยแบ่งเป็นยาสำหรับทา ยาสำหรับรับประทาน และยาสำหรับฉีด ขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของสิว
-⠀การเจาะหรือกดหัวสิว⠀เป็นการเจาะรูบริเวณหัวสิวเพื่อกำจัดหนองบริเวณหัวสิวออกมา เหมาะสำหรับการรักษาสิวอุดตัน
-⠀การใช้แสงหรือเลเซอร์กำจัดสิว⠀แสงสีน้ำเงินและเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเหมาะสมจะสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวอักเสบ และช่วยลดความมันบนใบหน้าได้

หลังจากการรักษาสิวอาจรักษาแผลเป็นที่เกิดจากสิวด้วย โดยมีหลายวิธี เช่น การทำทรีตเมนต์ การขัดผิว การตัดแผลเป็น การใช้เลเซอร์บนผิวหน้า เป็นต้น ซึ่งการรักษาเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจและการดูแลของแพทย์เฉพาะทางด้านโรคผิวหนังเท่านั้น

หมายเหตุ

• ผลที่ได้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวและสภาพผิวของแต่ละคน
• ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนทำ

การทำเลเซอร์ Q-Switched Nd:YAG

เลเซอร์ผิว (Skin Laser)⠀คือกระบวนการรักษาผิวด้วยเลเซอร์ สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาผิวพรรณได้หลากหลาย เช่น ลดรอยดำ รอยแผลเป็น ผิวไม่สม่ำเสมอ และหลุมสิว เป็นต้น
เลเซอร์ที่นำมาใช้รักษาผิวมีหลายแบบ แต่ละแบบจะเหมาะกับการแก้ปัญหาผิวแตกต่างกันไป สามารถรักษาได้เฉพาะจุด และมีผลข้างเคียงน้อยหรืออาจไม่มีเลย

เลเซอร์ช่วยลดรอยดำที่ผิวได้อย่างไร?
พลังงานจากแสงเลเซอร์จะทำให้เม็ดสีแตกตัวออก จากนั้นเม็ดเลือดขาวจะย่อยสลายเม็ดสีที่แตกตัวออกนั้น ก่อนจะถูกกำจัดด้วยการขับเป็นของเสียออกจากร่างกาย

แพ็กเกจนี้ใช้เลเซอร์ Q-switch

เลเซอร์ Q-switch ชนิดที่เป็นเลเซอร์ Nd:YAG มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาความผิดปกติของเม็ดสีที่ผิว เช่น รอยแดง รอยดำ ผิวคล้ำ ฝ้า กระ และลบรอยสักได้
จุดเด่นของเลเซอร์ Q-switch คือ เป็นการปล่อยคลื่นแสงความเข้มสูงในระยะเวลาสั้น ซึ่งสำหรับ Q-switch Nd:YAG ที่ใช้แสง 2 ความยาวคลื่นร่วมกัน จะทำให้เกิดการทำลายเม็ดสีที่ผิวหนังได้ทั่วใบหน้า ทั้งระดับตื้นและลึก

• เลเซอร์ความยาวคลื่น 532 นาโนเมตร มีผลทำลายเม็ดสีในชั้นตื้น เหมาะกับการลบรอยสักสีแดง ปานแดง กระแดด ฝ้า เนื่องจากเม็ดสีและฮีโมโกลบินสามารถดูดซับแสงที่ความยาวคลื่นนี้ได้ดี
• เลเซอร์ความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร ส่งผลต่อเม็ดสีในชั้นผิวหนังลึก เหมาะกับเม็ดสีสีดำและสีน้ำเงิน จึงนิยมใช้ในการรักษากระลึก แผลเป็น รอยสัก โดยไม่ทำให้ผิวด้านบนไหม้

เลเซอร์ Q-switch เป็นเลเซอร์ที่มีความปลอดภัย แต่ต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ

หมายเหตุ

• ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการทำเพื่อทำความเข้าใจและลดความกังวลต่างๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง หรือมีอาการแพ้ยา
• ไม่ควรรับประทานยาที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแอสไพริน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเลือดไหลไม่หยุดระหว่างทำเลเซอร์