กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

Rosacea (โรคโรซาเชีย)

เผยแพร่ครั้งแรก 11 ก.พ. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที

โรคโรซาเชีย (Rosacea) แต่ก่อนในภาษาไทยเรียกว่า "สิวหน้าแดง" เป็นโรคเรื้อรังที่พบมากบริเวณหน้า แต่สามารถลามไปบริเวณคอ หน้าอก และหลังได้ โรคนี้มักจะเริ่มจากการที่หน้าแดงบ่อย หลังจากนั้นอาการหน้าแดงอาจจะเป็นอยู่ตลอด เริ่มเห็นเส้นเลือดฝอยจางๆ เป็นร่างแหรวมตัวกันอยู่ตรงกลางใบหน้า จมูก และแผ่ออกไปด้านข้างเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้น อาการอื่นๆ ที่พบได้ คือ ผิวหนาขึ้นและมีตุ่มแดงขึ้นคล้ายสิว ซึ่งทำให้เรียกว่าโรคสิวหน้าแดง เพราะมีตุ่มคล้ายสิวแต่ไม่ใช่โรคสิว

ใครที่มักจะเป็นโรคโรซาเชีย?

สาเหตุของโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดและไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการได้ อย่างไรก็ตามโรคนี้มักพบในคนกลุ่มอายุ 30-60 ปี โดยพบในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวเข้ม และพบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ชายจะมีอาการรุนแรงกว่าผู้หญิง โดยมักมีรอยโรคที่จมูก 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

เนื่องจากโรคโรซาเชียมีลักษณะเริ่มต้นได้ตั้งแต่ผิวแดงคล้ายโดนแดดไปจนถึงตุ่มคล้ายสิว ดังนั้นผู้ป่วยควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง แพทย์ผิวหนังจะทำการตรวจเพื่อแยกประเภทของผื่นโรคโรซาเชียและให้การรักษาตามประเภทนั้นๆ 

อาการของโรคโรซาเชีย

อาการของผู้ป่วยแต่ละรายอาจแตกต่างกันไป แต่อาการที่พบได้บ่อยมีดังนี้

  • ผิวหนังแดงง่าย
  • หน้าแดงตลอด
  • มีเส้นเลือดฝอยเล็กๆ (Telangiectasia)
  • ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย และอาจมีอาการแสบหลังการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
  • เกิดตุ่มแดงหรือตุ่มหนอง

อาการของโรคโรซาเชียยังแบ่งได้ตามประเภทของโรคที่มีทั้งหมด 4 ชนิด คือ

  • Erythematotelangiectatic rosacea เป็นชนิดที่มีอาการหน้าแดงตลอดเวลา และมีลักษณะร่างแหของเส้นเลือดฝอยที่หน้า
  • Papulopustular rosacea เป็นชนิดที่มีอาการหน้าแดงตลอดเวลา ร่วมกับมีตุ่มแดงหรือตุ่มหนอง
  • Phymatous rosacea เป็นชนิดที่มีอาการที่ผิวหนังหนาตัวขึ้น จมูกและเนื้อเยื่อโดนรอบหนาตัวขึ้น ในกรณีที่เป็นมากจะเรียกว่า Rhinophyma ซึ่งเกิดจากต่อมน้ำมันด้านนอกจมูกทำให้จมูกโตขึ้น มีสีแดง หรือเหลืองเงามัน แต่จะพบในผู้ชายมากกว่า
  • Ocular rosacea เป็นชนิดที่มีอาการของโรคโรซาเชียที่ตา อาการจะพบผิวหนังสีแดงที่รอบดวงตา เปลือกตา และมีอาการตาแห้ง ตาบวม น้ำตาไหลง่าย หรือแสบตาได้ ในบางกรณีอาจมีการติดเชื้อที่ตาซ้ำๆ โดยเกิดขึ้นได้แม้ในผู้ป่วยโรซาเชียที่มีอาการบนหน้าน้อย ซึ่งพบว่าประมาณ 50% ของผู้ป่วยโรคโซซาเชียมีอาการที่ตาร่วมด้วย การดูแลด้วยจักษุแพทย์จึงจำเป็นเพื่อช่วยลดอาการะคายเคืองตา การมองเห็นลดลง และในบางกรณีสามารถเกิดแผลที่กระจกตาได้

การรักษาโรคโรซาเชีย

เนื่องจากผู้ป่วยที่มีโรซาเชียมักมีอาการแตกต่างไปในแต่ละชนิด จึงจำเป็นต้องเลือกใช้วิธีรักษาให้เหมาะสมสำหรับแต่ละคน โดยมีเป้าหมายของการรักษาคือเพื่อควบคุมอาการและทำให้สภาพผิวดีขึ้น การรักษาโรซาเชียให้ดีขึ้นนั้น มักจะต้องใช้เวลาหลายเดือน รวมทั้งต้องป้องกันไม่ให้ผื่นโรซาเชียเป็นรุนแรงมากขึ้น


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)