การเลือกทานอาหารบางชนิดอาจให้ประโยชน์แก่ผู้ป่วยโรคข้อรูมาตอยด์ ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์เรื่องนี้ก็ตาม
ได้มีการค้นคว้าหาอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคข้อรูมาตอยด์ หรือ RA โดยเฉพาะมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไหนที่พิสูจน์ว่ามีอาหารชนิดใดบ้างที่เหมาะสมกับพวกเขา อีกทั้งยังมีการถกเถียงเกี่ยวกับผลจากการทานอาหารสำหรับคนเป็นโรคข้อรูมาตอยด์(RA) รวมถึงอาการของโรคด้วย ฉะนั้น ก่อนที่คุณจะเลือกทานอาหารที่เชื่อว่าช่วยบรรเทาอาการของข้อรูมาตอยด์ คุณต้องปรึกษากับแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถกินอาหารนั้นได้
อย่ารอสุขภาพดี! คุณเริ่มได้วันนี้ แค่คลิก
เลือกดูสินค้าและบริการสุขภาพดีๆที่เราคัดมาให้ที่ Health Shop

การรับประทานอาหารบางประเภทอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคข้อรูมาตอยด์ได้ เช่น:
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา: จากการศึกษาพบว่ากรดไขมันโอเมก้า 3เป็นสารต้านอักเสบ น้ำมันปลามีอยู่ตามธรรมชาติในปลาที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน แม็คเคอเรล และปลาแฮริ่ง
Vegan diet: คนที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์บางคนก็หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำมาจากสัตว์ อย่างเนื้อสัตว์เอง เป็นต้น และผลิตภัณฑ์ใดๆก็ตามที่สัตว์เป็นผู้ผลิต เช่น น้ำผึ้งหรือผลิตภัณฑ์จากนม ผู้ป่วยบางรายบอกว่า อาหารประเภท Vegan diet ช่วยบรรเทาอาการของโรคได้
อาหารปลอดกลูเตน (Gluten-free) นมปลอดแล็กโทส (Lactose-free) หรือการทานอาหารด้วยวิธีตัดออก (Elimination diet): บางคนกล่าวว่า การแยกทานกลุ่มอาหารบางชนิดเหมาะกับพวกเขา นี่แสดงให้เห็นว่า โรคภูมิแพ้และอาการแพ้ทำให้อาการจากข้อรูมาตอยด์แย่ลง
อาหารแบบเมดิเตอเรเนี่ยน (Mediterranean diet): อาหารไฟเบอร์สูงประเภทนี้จะพบมากในอาหารทะเล ผักและถั่วต่างๆ และต้องใช้น้ำมันมะกอกเพื่อให้ไขมัน บางคนบอกว่า การทานอาหารเมดิเตอเรเนียนเป็นประจำจะช่วยควบคุมอาการโรคข้อรูมาตอยด์ได้
การอดอาหาร (Fasting): มีการถกเถียงกันเป็นอย่างมากเกี่ยวกับระยะอาหารที่ปลอดภัยและได้ผล แต่อย่าอดอาหารหรือทานเพียงแค่น้ำผลไม้อย่างเดียวโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อนโดยเด็ดขาด แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆที่ยืนยันว่าอาหารประเภทต่างๆมีประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์ แต่สิ่งที่คุณควรทำที่สุดคือทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสมดุลกับร่างกาย เลือกอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและหลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกรรมวิธีต่างๆ การใช้สีย้อมอาหาร หรือใส่สารเติมแต่งใดๆ หากคุณมีปัญหาหรือข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับอาหารการกิน คุณสามารถปรึกษากับนักโภชนาการที่มีใบอนุญาตได้ คุณควรปรึกษากับแพทย์ด้วยว่าควรทานอาหารประเภทไหนบ้างเพื่อให้ปลอดภัยและเหมาะกับคุณ