กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

Rheumatoid Arthritis (โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์)

เผยแพร่ครั้งแรก 11 ก.พ. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 8 นาที

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นโรคที่พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง3 เท่า แต่สาเหตุของโรคที่แท้จริงนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เป็นโรคของการอักเสบเรื้อรังที่เกิดขึ้นบริเวณข้อต่อหลายข้อต่อ ซึ่งเป็นสภาวะผิดปกติของการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มองว่าเยื่อบุบริเวณข้อต่อร่างกายนั้นเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงเข้าไปทำลายและพยายามจะกำจัดมัน จนเป็นเหตุให้เกิดอาการปวดและอาการอักเสบเกิดขึ้น ซึ่งมักจะส่งผลกระทบบริเวณข้อเล็ก ๆ ที่มือ และเท้าเป็นอันดับแรก จากการสำรวจของ Arthritis Foundation พบว่า ผู้คนในสหรัฐอเมริกาเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์กว่า 1.5 ล้านคน ซึ่งโรคดังกล่าวมักพบมากในคนที่มีช่วงอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป และจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

สาเหตุของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

เช่นเดียวกับโรคทางระบบภูมิคุ้มกันอื่น ๆ นักวิจัยยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุนั้นอาจเกิดจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันไปทำลายเนื้อเยื่อของร่างกาย การสูบบุหรี่และประวัติของคนในครอบครัวที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้นเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่สูบบุหรี่และไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ vs โรคข้อเสื่อม (Rheumatoid Arthritis vs. Osteoarthritis)

โรคข้อเสื่อม

อาการข้ออักเสบนั้นมีหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคข้อเสื่อมนั้นเป็น 2 โรคที่พบบ่อยมากที่สุด โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้นเกิดจากการที่เยื่อบุข้อต่อเกิดการอักเสบขึ้นและมีการทำลายข้อต่อ แต่ในโรคข้อเสื่อมเกิดจากกระดูกอ่อนที่ปกคลุมบริเวณส่วนท้ายของกระดูกบริเวณข้อต่อมีการเสื่อมสลายจากการใช้งานตามปกติ

อาการและการวินิจฉัยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

อาการหลักของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ คือ จะมีอาการปวดบวมที่ข้อและมีอาการข้อติดหรือแข็ง

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) มักจะเริ่มเป็นตำแหน่งในส่วนของกระดูกชิ้นเล็กก่อน เช่น มือและข้อมือ ซึ่งอาการดังกล่าวจะเป็นในลักษณะสมมาตรกัน กล่าวคือ มักจะมีอาการควบคู่กันไปทั้ง 2 ด้านของร่างกาย อาการข้ออักเสบ มีดังนี้

  • ปวด
  • บวม
  • ข้อแข็งหรือติด
  • แดง
  • ผิวหนังร้อนขึ้น
  • ข้อผิดรูป
  • มีลักษณะเป็นผิวนูนหรือมีก้อน Rheumatoid nodules รอบๆ ข้อ

อาการข้างเคียงของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้นสามารถพบได้ทั่วร่างกาย ผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์อาจมีอาการข้างเคียงที่เกิดร่วมด้วย เช่น

นอกจากนี้ สามารถพบอาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ที่เป็นมากขึ้นแต่พบได้น้อย เช่น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • ปวดบริเวณคอ
  • ตาแห้ง
  • ปากแห้ง
  • หายใจเหนื่อย
  • เจ็บขณะหายใจ
  • มีอาการเจ็บปวด ชา หรือมีความรู้สึกปวดแสบร้อนบริเวณมือและขาทั้ง 2 ข้าง
  • น้ำหนักลด

การวินิจฉัยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

การวินิจฉัยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้นไม่สามารถวินิจฉัยได้โดยการทดสอบเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง แพทย์จะทำการวินิจฉัยจากประวัติ การตรวจร่างกาย การตรวจเลือด และอาจต้องทำการถ่ายภาพทางรังสีเพิ่มเติม เช่น การทำ X-ray, Magnetic Resonance Imagery (MRI) และอื่นๆ การตรวจเลือดเพื่อหาว่าคุณเป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์หรือไม่ ประกอบด้วย

  • การตรวจค่าวัดการตกตะกอนของเม็ดเลือดแดง Erythrocyte sedimentation rate หรือ ระดับโปรตีน (C-reactive protein) เพื่อตรวจหาภาวะการอักเสบของร่างดาย
  • ตรวจหาค่า Rheumatoid factor ซึ่งคือ แอนตีบอดีที่จะมีปริมาณสูงขึ้นในระยะแรกของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ แต่สามารถพบได้ 80% ของผู้ป่วยทั้งหมด
  • ตรวจหาแอนติบอดีอื่นๆ
  • ปริมาณเม็ดเลือดแดงที่ลดลง

นอกจากนี้ การตรวจภาพทางรังสีวิทยา เช่น การทำ X-ray, MRI หรือ Ultrasound นั้นสามารถบอกถึงภาวะการอักเสบและการถูกทำลายบริเวณข้อได้ แต่จะสามารถพบลักษณะเช่นนี้ได้ในระยะที่โรคดำเนินไปมากหรืออยู่ในระยะท้ายแล้ว

การรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์สามารถรักษาได้ด้วยยา การผ่าตัด และการทำกายภาพบำบัด

การรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์สามารถเริ่มจากการใช้ยาลดการอักเสบได้ ซึ่งแพทย์มักจะให้ยาลดการอักเสบ ใน 3 กลุ่มหลัก เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ดังนี้

DMARDs สำหรับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

ยาในกลุ่ม DMARDs แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ในกลุ่มที่สังเคราะห์ขึ้น (Nonbiologic) และในกลุ่มที่ทำมาจากธรรมชาติ (Biologic)

ยาในกลุ่ม Nonbiologic DMARDs สามารถช่วยลดอาการอักเสบของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ไห้ข้อเสื่อมมากขึ้น ซึ่งยาในกลุ่ม DMARDs ที่ใช้บ่อยที่สุด คือ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • Arava (Leflunomide)
  • Azulfidine (Sulfasalazine)
  • Plaquenil (Hydroxychloroquine)
  • Trexall (Methotrexate)

ส่วนยาในกลุ่มของ Biologic DMARDs นั้นจะไปขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดกระบวนการอักเสบเป็นผลให้เกิดความเสียหายที่ข้อตามมา ซึ่งยาในกลุ่ม Biologic DMARDs มีดังนี้

  • Actemra (Tocilizumab)
  • Cimzia (Certolizumab)
  • Enbrel (Etanercept)
  • Humira (Adalimumab)
  • Kineret (Anakinra)
  • Orencia (Abatacept)
  • Remicade (Infliximab)
  • Rituxan (Rituximab)
  • Simponi (Golimumab)
  • Tofacitinib (Xeljanz, Jakvinus)

ซึ่งการใช้ยาในกลุ่ม DMARDs นี้จะเป็นการรักษาที่ใช้ระยะเวลานาน ซึ่งอาจนานเป็นหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนถึงจะเห็นผลชัดเจน ดังนั้น แพทย์อาจให้ใช้ยาชนิดที่สามารถรักษาอาการได้อย่างรวดเร็วและช่วยลดภาวะการอักเสบได้ เช่น ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตอรอยด์ และ ยากลุ่ม NSAIDs

Corticosteroids

เพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ยาในกลุ่ม Corticosteroids เช่น Prednisone และ Prednisolone เป็นยาที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบได้อย่างมาก แต่มักจะมีผลข้างเคียงมากเช่นเดียวกันจึงไม่ใช้รักษาในระยะยาว ยากลุ่ม NSAIDs ที่มีจำหน่ายทั่วไปที่ร้านขายยา เช่น

และในกลุ่ม NSAIDs ที่ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ เช่น

  • Clinoril (Sulindac)
  • Daypro (Oxaprozin)
  • Diclofenac (Cataflam, Voltaren, Cambia)
  • Diflunisal (Dolobid)
  • Feldene (Piroxicam)
  • Indocin (Indomethacin)
  • Ketoprofen (Orudis, Oruvail)
  • Mobic (Meloxicam)
  • Tolectin (Tolmetin)
  • Trilisate (Choline magnesium trisalicylate)

การทำกายภาพบำบัด

นักกายภาพบำบัดจะสอนวิธีการออกกำลังอย่างถูกต้องเพื่อช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีมากขึ้นและช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากขึ้น การทำกายภาพบำบัดจะช่วยให้การทำงานของข้อต่อที่มีปัญหาทำงานได้ดีมากขึ้น ซึ่งการทำกายภาพบำบัดดังกล่าวจะช่วยในการเรียนรู้วิธีที่จะช่วยให้คุณหายจากภาวะเครียดจากความเจ็บปวดบริเวณข้อต่อ นักกายภาพบำบัดอาจใช้เฝือกอ่อนเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงและลดอาการเจ็บปวดบริเวณข้อต่อ

การผ่าตัดข้อต่อ

เมื่อมีการทำลายบริเวณข้อต่อ ทางเลือกเดียวที่จะช่วยให้ข้อต่อคุณกลับมาทำงานได้เช่นเดิม คือ การรักษาโดยการผ่าตัด ศัลย์แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อ

  • ตัดส่วนของเยื่อบุข้อต่อที่มีการอักเสบบางส่วนหรือตัดออกทั้งหมด (Synovectomy)
  • เย็บซ่อมเพื่อทำให้บริเวณเยื่อพังผืด (Fibrous tissue) และเอ็นยึดกล้ามเนื้อและกระดูก (Tendon) ที่หย่อนหรือได้รับความเสียหายนั้นตึงแน่นมากขึ้น
  • นำข้อต่อมาเชื่อมกัน (Arthrodesis) เพื่อให้ส่วนที่มีรูปร่างโค้งงอหรือผิดรูปไปกลับมาเรียงตัวปกติและอยู่ในตำแหน่งมั่นคง
  • นำข้อเทียม ซึ่งทำมาจากพลาสติก เซรามิก หรือเหล็ก มาใส่แทนบริเวณข้อต่อที่เสียหาย (Arthroplasty)

การรักษาด้วยตนเอง

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือการรักษาตัวที่บ้านสามารถช่วยลดอาการโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และช่วยให้กลับมาทำงานได้ดีมากขึ้น ซึ่งการรักษาดังกล่าว มีดังนี้

  • มีการศึกษาทางแพทย์พบว่าการออกกำลังกายจะช่วยทำให้การเคลื่อนไหวของข้อต่อนั้นยืดหยุ่นและจะช่วยสร้างกล้ามเนื้อเพื่อช่วยพยุงข้อต่อมากขึ้น
  • ประคบเย็นหรือประคบร้อนซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บปวดบริเวณข้อ
  • ทาขี้ผึ้งหรือครีมชนิดร้อนที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาจะช่วยลดอาการปวดลงได้
  • เรียนรู้วิธีที่ช่วยให้ผ่อนคลายเพื่อช่วยให้คุณสามารถรับมือกับอาการปวดได้
  • หาอุปกรณ์เสริมที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณทำกิจวัตรประจำวันได้ง่ายขึ้น เช่น ที่จับส้อม ที่เปิดขวด และที่แกะกระดุมเสื้อ
  • เข้าร่วมกิจกรรมสังสรรค์เพื่อให้คุณมีอารมณ์ดี

วิธีการรักษาอื่นๆ

ก่อนทำการรักษาเสริมหรือเลือกวิธีการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติมนั้น ควรที่จะปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ดีเสียก่อน มีงานวิจัยสำหรับการรักษาทางเลือกอื่นๆ แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าแท้จริงแล้วสามารถรักษาโรคนี้ได้หรือไม่ ซึ่งการรักษาทางเลือกอื่นๆ มีดังนี้

  • รับประทานอาหารเสริมซึ่งมีส่วนประกอบเป็นไขมันจากพีช เช่น น้ำมันโบราณ พริมโรส หรือผลแบล็คเคอร์แรนท์
  • อาหารเสริมน้ำมันตับปลา
  • อาหารเสริมที่มีขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีรสเผ็ดที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบได้
  • ธารีบำบัด (Hydrotherapy) คือ การฉีดน้ำแร่
  • การฝังเข็ม
  • อาหารเสริมชนิดพิเศษ
  • การฝึกไท่เก๊
  • โยคะ

อาหารสำหรับคนเป็นโรคข้อรูมาตอยด์

การเลือกทานอาหารบางชนิดอาจให้ประโยชน์แก่ผู้ป่วยโรคข้อรูมาตอยด์ ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์เรื่องนี้ก็ตาม

ได้มีการค้นคว้าหาอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคข้อรูมาตอยด์ หรือ RA โดยเฉพาะมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ไหนที่พิสูจน์ว่ามีอาหารชนิดใดบ้างที่เหมาะสมกับพวกเขา อีกทั้งยังมีการถกเถียงเกี่ยวกับผลจากการทานอาหารสำหรับคนเป็นโรคข้อรูมาตอยด์(RA) รวมถึงอาการของโรคด้วย ฉะนั้น ก่อนที่คุณจะเลือกทานอาหารที่เชื่อว่าช่วยบรรเทาอาการของข้อรูมาตอยด์ คุณต้องปรึกษากับแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถกินอาหารนั้นได้

การรับประทานอาหารบางประเภทอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคข้อรูมาตอยด์ได้ เช่น:

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา: จากการศึกษาพบว่ากรดไขมันโอเมก้า 3เป็นสารต้านอักเสบ น้ำมันปลามีอยู่ตามธรรมชาติในปลาที่มีไขมันสูง เช่น แซลมอน แม็คเคอเรล และปลาแฮริ่ง

Vegan diet: คนที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์บางคนก็หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำมาจากสัตว์ อย่างเนื้อสัตว์เอง เป็นต้น และผลิตภัณฑ์ใดๆก็ตามที่สัตว์เป็นผู้ผลิต เช่น น้ำผึ้งหรือผลิตภัณฑ์จากนม  ผู้ป่วยบางรายบอกว่า อาหารประเภท Vegan diet ช่วยบรรเทาอาการของโรคได้

อาหารปลอดกลูเตน (Gluten-free) นมปลอดแล็กโทส (Lactose-free) หรือการทานอาหารด้วยวิธีตัดออก (Elimination diet): บางคนกล่าวว่า การแยกทานกลุ่มอาหารบางชนิดเหมาะกับพวกเขา นี่แสดงให้เห็นว่า โรคภูมิแพ้และอาการแพ้ทำให้อาการจากข้อรูมาตอยด์แย่ลง

อาหารแบบเมดิเตอเรเนี่ยน (Mediterranean diet): อาหารไฟเบอร์สูงประเภทนี้จะพบมากในอาหารทะเล ผักและถั่วต่างๆ และต้องใช้น้ำมันมะกอกเพื่อให้ไขมัน บางคนบอกว่า การทานอาหารเมดิเตอเรเนียนเป็นประจำจะช่วยควบคุมอาการโรคข้อรูมาตอยด์ได้

การอดอาหาร (Fasting): มีการถกเถียงกันเป็นอย่างมากเกี่ยวกับระยะอาหารที่ปลอดภัยและได้ผล แต่อย่าอดอาหารหรือทานเพียงแค่น้ำผลไม้อย่างเดียวโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อนโดยเด็ดขาด แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆที่ยืนยันว่าอาหารประเภทต่างๆมีประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์ แต่สิ่งที่คุณควรทำที่สุดคือทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและสมดุลกับร่างกาย เลือกอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและหลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านกรรมวิธีต่างๆ การใช้สีย้อมอาหาร หรือใส่สารเติมแต่งใดๆ หากคุณมีปัญหาหรือข้อสงสัยใดๆเกี่ยวกับอาหารการกิน คุณสามารถปรึกษากับนักโภชนาการที่มีใบอนุญาตได้ คุณควรปรึกษากับแพทย์ด้วยว่าควรทานอาหารประเภทไหนบ้างเพื่อให้ปลอดภัยและเหมาะกับคุณ

ภาวะแทรกซ้อน

ความเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้นเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป รวมถึงการไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

ภาวะแทรกซ้อน มีดังนี้

  • ข้อจะผิดรูปและสูญเสียการทำงาน
  • มีอาการปวดเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการชาบริเวณมือและเท้า
  • บริเวณเม็ดเลือดแดงลดลง หรือมีภาวะซีด ซึ่งจะทำให้เกิดอาการเหนื่อยและอ่อนแรงง่ายขึ้น
  • เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • ผิวหนังผิดปกติ เช่น มีแผลพุพอง มีผื่น ตุ่มน้ำใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะรอบข้อต่อ
  • Sjögren's syndrome  โรคโจเกรน คือกลุ่มอาการที่มีความผิดปกติของการผลิตน้ำตาและน้ำลาย ทำให้เกิดอาการตาแห้ง ระคายเคืองตา แสบตา และเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
  • กระดูกอ่อนแรงหรือกระดูกพรุน เมื่อได้รับยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์อาจทำให้เกิดอาการดังกล่าวมากขึ้น
  • หายใจลำบากหรือมีอาการเจ็บขณะหายใจ ซึ่งบ่งบอกถึงภาวะการอักเสบของเยื่อบุของปอด เยื่อหุ้มปอด หรือมีการบวมหรือมีแผลในเนื้อปอด
  • อาจมีปัญหาโรคหัวใจ เนื่องจากโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์สามารถก่อพยาธิสภาพที่เยื่อหุ้มหัวใจ หรือเส้นเลือดที่ทำหน้าที่ขนส่งเลือดสู่หัวใจได้ ซึ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์นั้นจะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดการอุดตันของเส้นเลือดหัวใจมากขึ้น
  • กลุ่มอาการ Carpal tunnel syndrome หรือมีอาการบวมบริเวณข้อมือซึ่งทำให้เกิดแรงกดดันบริเวณเส้นประสาทของมือ ทำให้เกิดอาการชาและทำให้การเคลื่อนไหวของมือและนิ้วมือผิดปกติ
  • เหงือกบวมและโรคเหงือกหรือโรคปริทันต์
  • ไตและตับเสื่อมจากการใช้ยารักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายและเนื้อเยื่อมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เนื่องจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงนั้นมีการอักเสบ
  • มีปัญหาด้านอารมณ์และความกังวล ซึ่งอาจะเกี่ยวเนื่องจากความเครียดจากการมีปัญหาสุขภาพเรื้อรังและสูญเสียการทำงานของอวัยวะในร่างกาย
  • เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด Non-Hodgkin's lymphoma
  • ภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ เช่น ความดันโลหิตสูงในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์หรือมีอาการแสดงหลังจากคลอดบุตร

38 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
webmd.com, Rheumatoid Arthritis Health Center (https://www.webmd.com/rheumatoid-arthritis/default.htm)
Yvette Brazier, What is rheumatoid arthritis? (https://www.medicalnewstoday.com/articles/323361.php), October 16, 2018

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
มีอาการตรงโคนนิ้วโป้งมือ เกือบๆข้อมือ บวมปูดขึ้น และปวดมาก เป็นช่วงเวลาใช้งานเมาส์เวลาทำงานกับคอมพิวเตอร์ และส่วนมากจะเป็นตอนกลางคืน ปวดทรมานมาก อยากทราบสาเหตุคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ปวดตรงข้อนิ้วเท้าโป่งข้างซ้ายและมีเส้นเอ็นเป็นก้อนขึ้นมา เป็นๆหายๆคะ ไม่ทราบว่าเป็นอาการของโรคอะไร
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
เป็นเก๊าปฏิบัติตัวยังไงดี
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
โรคข้ออักเสบ มีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรคะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ปวดข้อนิ้วมือครับ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ตื่นนอนตอนเช้าจะปวดระบมข้อเท้าเหมือนหยั่งไม่ได้เพราะอะไรคะต้องรักษาใหม
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)