กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
นพ. ชยากร พงษ์พยัคเลิศ แพทย์ทั่วไป
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
นพ. ชยากร พงษ์พยัคเลิศ แพทย์ทั่วไป

อาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์คืออะไร?

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับอาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์ และข้อควรระวัง
เผยแพร่ครั้งแรก 3 ม.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 28 ต.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
อาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์คืออะไร?

แพทย์ผิวหนังบางคนเชื่อว่า อาการรูขุมขนอักเสบและคันที่เกิดขึ้นในภาวะตั้งครรภ์ (Pruritic Folliculitis of Pregnancy) เป็นรูปแบบหนึ่งของการเกิดสิว โดยมีการวินิจฉัยเกี่ยวกับสาเหตุการเกิดภาวะดังกล่าวที่แตกต่างกัน โดยอาจเกิดจากแบคทีเรีย (Bacterial folliculitis) หรือเกิดจากเชื้อรา (Pityriasis folliculitis) หรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการติดเชื้อ

ลักษณะอาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์

  • ผื่นที่เกิดขึ้นจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก และอาจจะมีหนอง หรือไม่มีหนองก็ได้
  • ตุ่มเหล่านี้มักเริ่มเกิดบริเวณหน้าท้อง บางรายอาจกระจายไปตามแขนส่วนบน ขา บางรายที่เป็นหนักอาจกระจายไปทั่วร่างกาย
  • ตุ่มมีลักษณะคล้ายสิว แต่เชื่อว่าไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • บางรายอาจมีอาการคันร่วมด้วย

ตุ่มชนิดนี้เริ่มปรากฏอาการเมื่อไหร่

ตุ่มที่เกิดจากรูขุมขนอักเสบในภาวะตั้งครรภ์มักจะปรากฏขึ้นในช่วง 28 สัปดาห์เป็นต้นไป และจะหายไปเองหลังคลอดประมาณ 2-3 สัปดาห์

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

สาเหตุของการเกิดรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์ แต่เชื่อว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในขณะตั้งครรภ์ ไม่ได้มีสาเหตุจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หรือโรคทางพันธุกรรม (Genetic Disorders) แต่อย่างใด

อาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์นั้นพบมากในหญิงตั้งครรภ์ที่มีประวัติภูมิแพ้มาก่อน เช่น โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) หรือที่เรียกว่า แพ้อากาศ และโรคหืด (Asthma) หรือที่เรียกว่า หอบหืด เป็นต้น

วิธีการรักษาอาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์

เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดจึงยังไม่มีวิธีรักษาภาวะดังกล่าว แต่อย่ากังวล เพราะอาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์จะสามารถหายไปได้เองหลังคลอดภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยวิธีการรักษาเบื้องต้น จะเป็นการรักษาตามอาการคล้ายกับการรักษาสิวทั่วไป

หญิงตั้งครรภ์เมื่อเกิดอาการแล้วจะต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง รักษาความสะอาด และไปตรวจครรภ์ตามนัดหมาย ห้ามกด บีบ หรือเกาตุ่มโดยเด็ดขาด เพราะอาจติดเชื้อเพิ่มเติมได้

ยาที่นิยมใช้ในการรักษาอาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์

  • ยาทารักษาสิวเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายและได้ผลดี  ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เพราะอาการนี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ
  • ยาแก้แพ้ชนิดกิน (Oral antihistamine) ช่วยรักษาอาการคันได้ดี

ยาที่ไม่ควรใช้ในหญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร

  • ยาที่ใช้รักษาโรคผิวหนังกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) เช่น ไอโซเตร็ดติโนอิน (Isotretinoin)
  • ยาต้านมะเร็ง (Antineoplastic agents) เช่น เมโธเทรกเซท (Methotrexate)
  • ยาแก้คัน (Antipruritic agents) เช่น ไตรเมพราซีน (Trimeprazine) และด็อกเซปิน (Doxepin) เป็นยาต้านเศร้าในกลุ่มไตรไซคลิก (Tricyclic Antidepressants: TCAs) ที่สามารถใช้รักษาอาการคันได้
  • ไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine) จัดว่ามีความเสี่ยงระดับปานกลางสำหรับการตั้งครรภ์ช่วงสามเดือนแรก และมีความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติแต่กำเนิดของทารก (Congenital abnormality)
  • ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เช่น เตตราไซคลีน (Tetracycline) และไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin)
  • ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs: NSAIDs) บางชนิด เช่น อินโดเมทาซิน (Indomethacin)
  • ยาทาสเตียรอยด์ (Topical corticosteroid) สามารถใช้ได้ในขนาดที่เหมาะสม และหากมีการใช้ต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากมีรายงานว่าทำให้ทารกในครรภ์โตช้าลง
  • โพวิโดนไอโอดีน (Povidone-iodine) และโพโดฟิลลิน (Podophyllin) มีความเสี่ยงเกิดอันตรายกับทารกในครรภ์และไม่แนะนำให้ใช้ในระหว่างตั้งครรภ์

ข้อควรระวัง

ถึงแม้ว่าวิธีการรักษาอาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์จะเป็นการรักษาไปตามอาการ แต่ก็ไม่ควรไปซื้อยามาใช้ด้วยตนเอง เพราะยาบางชนิดอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมารดาและทารกได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการ และสั่งซื้อยาตามใบสั่งแพทย์จะปลอดภัยกว่า

เนื่องจากอาการคันในหญิงตั้งครรภ์ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว หากรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติ เช่น อาการคันอย่างรุนแรง หรือมีไข้ร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด

ผลกระทบต่อทารกจากอาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์

มีรายงานที่แตกต่างกันเกี่ยวกับผลกระทบต่อทารกจากอาการรูขุมขนอักเสบและคันในภาวะตั้งครรภ์ เช่น มีสถิติที่เพิ่มขึ้นของภาวะคลอดก่อนกำหนด (Premature birth) และขนาดของทารกเล็กกว่าอายุครรภ์ (Small for gestation age) เมื่อเทียบกับทารกจากการตั้งครรภ์ปกติ แต่ไม่มีหลักฐานของอัตราที่เพิ่มขึ้นของการแท้ง หรืออัตราการตายของทารกในครรภ์


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Vaughan Jones S et al., Skin disease in pregnancy (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/24895225), 3 June 2014

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
ทารกมีอัตราการเต้นของหัวใจช้า อันตรายหรือไม่
ทารกมีอัตราการเต้นของหัวใจช้า อันตรายหรือไม่

เรื่องง่ายๆ ที่คุณแม่ทุกคนต้องใส่ใจเพราะอัตราการเต้นของหัวใจสัมพันธ์กับความปลอดภัยของลูกน้อย

อ่านเพิ่ม
อะไรคือสัญญาณการฉีกขาดในภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก?
อะไรคือสัญญาณการฉีกขาดในภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก?

เรียนรู้สัญญาณการตั้งครรภ์นอกมดลูกก่อนที่มันจะฉีกขาด

อ่านเพิ่ม
ทำความเข้าใจกับภาวะตั้งครรภ์ที่ไข่ที่ปฏิสนธิไม่ฝังตัว (Chemical Pregnancy) ใช่หรือไม่ใช่?
ทำความเข้าใจกับภาวะตั้งครรภ์ที่ไข่ที่ปฏิสนธิไม่ฝังตัว (Chemical Pregnancy) ใช่หรือไม่ใช่?

การตั้งครรภ์ที่เร็วเกินไปที่จะยืนยันด้วยวิธีการทางชีวเคมี

อ่านเพิ่ม