อุ้งเชิงกรานอักเสบ

เผยแพร่ครั้งแรก 6 มี.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
อุ้งเชิงกรานอักเสบ

อุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease) หรือเรียกสั้นๆ ว่า พีไอดี เป็นการติดเชื้อบริเวณระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง บริเวณมดลูก ปีกมดลูก และท่อนำไข่ บทความต่อไปนี้จะช่วยให้คุณผู้หญิงสามารถป้องกันตัวเองจากอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบได้

อุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือ พีไอดี เป็นการติดเชื้อบริเวณระบบสืบพันธุ์ในเพศหญิง บริเวณมดลูก ปีกมดลูก และท่อนำไข่ สาวๆ ส่วนใหญ่ที่มีอาการนี้จะมีผลพวงมาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในเทียม หรือโรคหนองในแท้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายๆ คนหรือการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยมักเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์และเสี่ยงต่อการเป็นโรคติดเชื้ออุ้งเชิงกรานหรือพีไอดีได้ หากไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายทำให้เกิดแผลภายในเป็นสาเหตุของอาการปวดรุนแรงบริเวณอุ้งเชิงกราน เกิดภาวะมีบุตรยาก และอาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

 อาการของอุ้งเชิงกรานอักเสบ

พีไอดีเป็นสาเหตุทำให้มีอาการต่างๆ ตั้งแต่อาการเล็กน้อยไปจนถึงอาการรุนแรงมาก สาวๆ ที่เป็นพีไอดีมักจะมีอาการเหล่านี้

  • ปวดบริเวณท้องน้อย
  • ตกขาวมีสีและกลิ่นที่แปลกไปจากเดิม
  • ปวดแสบอวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์
  • เลือดออกกะปริดกะปรอยช่วงที่มีรอบเดือน
  • มีไข้
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
  • เบื่ออาหาร
  • ปวดหลังจนอาจทำให้เดินลำบาก
  • ปวดแสบขณะปัสสาวะและต้องปัสสาวะบ่อยๆ
  • ปวดท้องบริเวณเหนือท้องน้อยด้านขวา

 อุ้งเชิงกรานอักเสบเกิดขึ้นได้อย่างไร

สาวๆ ที่มีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรได้รับการรักษาทันที หากปล่อยทิ้งไว้โรคเหล่านั้นอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ และเมื่ออาการอุ้งเชิงกรานอักเสบไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจแพร่กระจายสู่อวัยวะอื่นๆ จนอาจส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ในระยะยาวได้ ดังนี้

  • เกิดแผลเป็นบริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ และมดลูก แผลเป็นที่แพร่กระจายอยู่อาจนำไปสู่ภาวะการมีบุตรยากและอาการปวดอุ้งเชิงกรานเรื้อรัง เด็กหญิงวัยรุ่นหรือหญิงที่เป็นพีไอดีอยู่บ่อยครั้งมีโอกาสเกิดภาวะการมีบุตรยากมากขึ้น
  • เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก หากสาวๆ ที่เป็นพีไอดีมีการตั้งครรภ์ รอยแผลเป็นบริเวณท่อนำไข่อาจทำให้ไข่ที่ปฏิสนธิฝังอยู่ในท่อนำไข่แทนที่จะฝังตัวในมดลูก โดยทารกจะเจริญเติบโตขึ้นในท่อนำไข่ซึ่งเป็นบริเวณที่ทารกจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เรียกว่า การตั้งครรภ์นอกมดลูก นอกจากนี้ หากอาการตั้งครรภ์นอกมดลูกไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้ท่อนำไข่ฉีกขาดเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะเลือดออกมากและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
  • เป็นฝีที่รังไข่ ซึ่งเป็นอาการที่มีการรวมตัวกันของกลุ่มแบคทีเรีย หนอง และของเหลวในรังไข่และท่อนำไข่ ผู้ที่เป็นฝีรังไข่จะมีอาการป่วย ไข้ขึ้นสูง และปวดท้องรุนแรงจนไม่สามารถเดินได้ ซึ่งฝีที่เกิดขึ้นจะต้องได้รับการรักษาโดยแพทย์ ด้วยการรับยาปฏิชีวนะหรือการผ่าตัดเอาฝีออก

 การวินิจฉัยอาการและการรักษา

หากสงสัยว่าคุณกำลังมีอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ แนะนำให้รีบพบแพทย์หรือสูตินรีแพทย์เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที เพราะยิ่งได้รับการรักษาช้าเท่าไหร่โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเป็นโรคอื่นๆ ตามมาก็มีมากขึ้นด้วย และหากแพทย์สันนิษฐานว่าคุณอาจมีอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ แพทย์จะทำการตรวจเช็คร่างกายคุณอย่างละเอียดโดยการตรวจภายใน ซึ่งการตรวจดังกล่าวจะบอกได้ว่าผู้ป่วยมีอาการปวดบริเวณปากมดลูก มีตกขาวผิดปกติบริเวณปากมดลูก หรือมีอาการปวดบริเวณรังไข่ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างหรือไม่ โดยแพทย์อาจขูดเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกและช่องคลอดเพื่อนำไปตรวจสอบหาเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ยังต้องมีการตรวจสอบการตั้งครรภ์ และบางครั้งอาจมีการตรวจเลือดหรือตรวจปัสสาวะเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ อย่างหนองในเทียมหรือหนองในแท้หรือไม่

บางครั้งแพทย์อาจทำการอัลตราซาวนด์หรือ CAT scan บริเวณท้องน้อย เพื่อดูความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ ซึ่งการอัลตราซาวด์มักนำมาใช้เพื่อวินิจฉัยอาการเป็นฝีที่รังไข่หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก หากแพทย์วินิจฉัยพบว่าคุณมีอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ แพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะให้ผู้ป่วยโดยต้องทานยาตามคำแนะนำเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์ ซึ่งผู้ป่วยจะต้องทานยาให้หมดแม้จะมีอาการดีขึ้นแล้วและผู้ป่วยจะต้องได้รับการตรวจโดยแพทย์อีกครั้งประมาณ 2-3 วันหลังจากเริ่มรักษาเพื่อให้แน่ใจว่ายานั้นทำงานได้ดีต่ออาการ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นเลยหลังจากการรักษาคุณจะต้องกลับไปพบแพทย์ทันที

สาวๆ ที่มีอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบรุนแรงจะมีไข้สูงและอาเจียน โดยเชื้อจะต้านต่อการใช้ยาแบบทาน ผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์จะต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาล 2-3 วัน โดยการฉีดยาปฏิชีวนะ และบางครั้งอาจต้องได้รับ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

การผ่าตัดหากมีอาการฝีร่วมด้วย การตั้งครรภ์นอกมดลูกจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดอย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันปัญหาอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา

คู่นอนของผู้ป่วยอุ้งเชิงกรานอักเสบจำเป็นต้องได้รับการตรวจเช็คหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยเพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที และจำเป็นต้องงดกิจกรรมทางเพศสัมพันธ์ไว้ก่อนจนกว่าการรักษาของทั้งคู่จะเสร็จสิ้นลง ซึ่งจะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อีกครั้งอย่างน้อย 7 วันหลังจากการรักษาจบลง ซึ่งหากไม่มีการรักษาทั้งคู่โรคติดต่อที่เกิดขึ้นก็จะกลับมาเป็นอีกกับผู้ที่ได้รับการรักษาไปแล้ว

 การป้องกันการเกิดอาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ

วิธีการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรืออาการอุ้งเชิงกรานอักเสบที่ดีที่สุดคือการงดมีเพศสัมพันธ์ แต่หากไม่สามารถงดการมีเพศสัมพันธ์ได้ การมีคู่นอนเพียงแค่คนเดียว การใช้ถุงยางอนามัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ และหากพบว่าคู่นอนของคุณติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เขาหรือเธอต้องได้รับการรักษาทันที

หากคุณเลือกที่จะมีเพศสัมพันธ์แล้ว คุณควรเลือกมีอย่างชาญฉลาดและปลอดภัยที่สุด!


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)