อันตรายจากไมโครพลาสติก

รวมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากไมโครพลาสติก ทำไมไมโครพลาสติกจึงปะปนอยู่ในอาหาร
เผยแพร่ครั้งแรก 4 ต.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
อันตรายจากไมโครพลาสติก

ไมโครพลาสติก (Microplastic) คือ อนุภาคพลาสติกที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เกิดจากระบบอุตสาหกรรมพลาสติกสังเคราะห์และผลิตภัณฑ์เวชสำอางหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีเม็ดบีดส์เป็นส่วนประกอบ (Microbeads) ซึ่งสามารถจำแนกไมโครพลาสติกได้ 2 ชนิดตามธรรมชาติของอนุภาคและแหล่งกำเนิดดังนี้ 

  1. Primary microplastic คือ ไมโครพลาสติกที่มีการผลิตเป็นชิ้นเล็กมาตั้งแต่ต้น ซึ่งเป็นพลาสติกที่ผลิตมาเพื่อนำไปเป็นสารตั้งต้นในการทำผลิตภัณฑ์พลาสติกชิ้นใหญ่ เช่น แก้วพลาสติก ถุงพลาสติก หรือใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ในการชำระล้าง (Rinse-off product) เช่น ยาสีฟัน โฟมล้างหน้า มักเรียกกันในชื่อเม็ดสครับหรือเม็ดบีดส์ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกขนาดเล็กกว่า 5 มิลลิเมตร ลักษณะโปร่งแสง 
  2. Secondary microplastic คือ ไมโครพลาสติกที่แตกหักย่อยสลายออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ ตามกาลเวลา เมื่อถูกแสงแดด โดนความร้อน หรือย่อยสลายจากจุลินทรีย์ชีวภาพ เช่น แก้วน้ำพลาสติกหรือถุงร้อนพลาสติกที่ทิ้งไว้ในแหล่งน้ำเป็นเวลานาน 

ไมโครพลาสติกมาจากไหน?

คนส่วนมากรู้ว่าไมโครพลาสติกมาจากขยะพลาสติกทั้งหลาย เช่น ขวดน้ำพลาสติก ถุงร้อน ฟิล์มห่ออาหาร หากสิ่งเหล่านี้ถูกปล่อยลงสู่แหล่งน้ำ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าพลาสติกจะถูกแสงอาทิตย์และแตกสลายออกเป็นไมโครพลาสติกชิ้นเล็กๆ นับพันชิ้น อย่างที่กล่าวมาแล้ว แต่ที่หลายคนอาจไม่ทราบคือ พลาสติกแบบชีวภาพที่โฆษณาว่าสามารถย่อยสลายได้ ก็ทำให้เกิดไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำเช่นกัน นอกจากนี้ไมโครพลาสติกยังสามารถมาจากแหล่งอื่นๆ ได้แก่

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • บ้านเรือน เกิดจากการชำระล้างสิ่งต่างๆ ภายในบ้านเรือนด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากไมโครพลาสติก เช่น โพลิเอสเตอร์ (Polyester) คือเส้นใยพลาสติกจากเสื้อผ้า หรือ ไมโครบีดส์ (Microbeads) ที่อยู่ในยาสีฟัน โฟมล้างหน้าบางชนิด   
  • การทำประมง มีการพบไมโครพลาสติกแตกต่างกันไปตามบริเวณที่ตรวจสอบสัตว์ทะเล ซึ่งในบริเวณที่มีการทำประมงเยอะมักพบโมโครพลาสติกไนลอนจากอวนชาวประมงเยอะกว่าบริเวณอื่นๆ
  • ยางรถยนต์ ไมโครพลาสติกที่มีแหล่งที่มาจากบนบกส่วนใหญ่มาจากการเสียดสีของยางรถยนต์และพื้นถนน อาจทำให้ฟุ้งกระจายในอากาศได้

ผลกระทบของไมโครพลาสติกต่อมนุษย์ 

แม้องค์การอนามัยโลก (WHO) จะประกาศว่าไมโครพลาสติกที่รับเข้าสู่ร่างกายมนุษย์จะถูกขับออกผ่านการขับถ่ายได้ ปัจจุบันยังไม่พบอันตราย และยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม แต่หากไมโครพลาสติกถูกขับออกไม่หมด และมีระดับที่เล็กลง ก็มีการคาดการณ์ไว้ว่าไมโครพลาสติกอาจส่งผลต่อมนุษย์ได้หลายประการในระยะยาว เช่น

  • รบกวนฮอร์โมนในร่างกาย ไมโครพลาสติกมีสารที่เรียกว่า Bisphenol A (ฺBPA) เป็นส่วนประกอบของพลาสติก BPA อาจเข้าไปรบกวนการทำงานของต่อมไร้ท่อ มีผลกระทบกับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่คอยควบคุมการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ และ BPA ยังอาจมีส่วนทำให้ฮอร์โมนเพศชายมีการเปลี่ยนแปลงได้ มีผลกระทบถึงการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศชาย 
  • เด็กมีพัฒนาการลดลง สาร BPA มีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี ทำให้ความจำและระบบประสาทลดลง
  • ขัดขวางการทำงานของเส้นเลือด เนื่องจากหลายคนอาจรับเอาไมโครพลาสติกเข้าไปมากกว่า 1 หมื่นชิ้นต่อปี จากการกินอาหารทะเลและดื่มน้ำจากขวดพลาสติก ไมโครพลาสติกซึ่งมีขนาดเล็กเท่าแบคทีเรียอาจเข้าสู่กระแสเลือด และปิดกั้นทางเดินเลือดได้ในที่สุด 
  • อาจเกิดโรคมะเร็ง หากไมโครพลาสติกฝังเข้ากับเนื้อเยื่อในร่างกาย อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เพราะไมโครพลาสติกอาจปล่อยพิษหรือโลหะหนักที่ติดจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่เนื้อเยื่อ 
  • เป็นตัวกลางนำสารพิษ ไมโครพลาสติกมีคุณสมบัติที่สามารถดูดซับ อุ้มน้ำได้ จึงสามารถเก็บเอาสารพิษบางประเภท เช่น สารพิษในยาฆ่าแมลง DDT ในน้ำ กล่าวคือเมื่อไมโครพลาสติกยิ่งอยู่ในทะเลนาน ก็จะยิ่งดูดซับความเป็นพิษเอาไว้ สัตว์เล็กในทะเลที่กินไมโครพลาสติกเข้าไปก็จะรับสารพิษนั้นเอาไว้ด้วย เมื่อคนนำมากินก็จะได้รับสารพิษตกค้างจากสัตว์เหล่านั้นเช่นกัน 

จะหลีกเลี่ยงไมโครพลาสติกได้อย่างไร?

ไมโครพลาสติกเป็นสิ่งที่ปัจจุบันกระจายสู่สิ่งแวดล้อม ด้วยขนาดเล็กจิ๋วมันจึงสามารถแพร่ไปได้ทุกที่ พบทั้งในแผ่นดิน น้ำ อากาศ แม้จะเป็นที่ที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่เลย อย่างไรก็ตาม พอจะมีทางที่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงไมโครพลาสติกได้มากที่สุด มีดังนี้

  • ลดใช้ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นอาหารสำเร็จรูปอุ่นร้อน สามารถทำให้ไมโครพลาสติกปกเปื้อนลงในอาหารได้ นอกจากนี้ยังมีการพบไมโครพลาสติกจากน้ำดื่มที่มีจำหน่ายในไทยบางชนิดอีกด้วย แม้จะไม่ใช่ปริมาณมากก็ตาม
  • ดื่มน้ำประปา การประปานครหลวงเปิดเผยว่ามีโอกาสน้อยมากที่ไมโครพลาสติกจะปนเปื้อนลงในน้ำประปา เพราะมีชั้นกรองอนุภาคขนาดเล็กที่จับไมโครพลาสติกได้ 
  • ไม่ทิ้งขยะลงในแหล่งน้ำ การกระทำเหล่านี้ส่งผลกระทบทางอ้อมสู่ร่างกายของคนได้อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ฉะนั้นควรคัดแยกขยะพลาสติกเพื่อนำไปรีไซเคิลใหม่อย่างถูกวิธี 

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายของคนได้ เพราะไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำอาจใช้เวลาถึง 400-500 ปีในการย่อยสลาย วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือการแก้ที่ต้นเหตุ โดยลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง ช่วยกันรักษาความสะอาดตามแหล่งน้ำ สิ่งแวดล้อม รวมถึงแยกขยะให้เหมาะสมสำหรับนำกลับไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธี


6 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ, ภัยล่องหนจากไมโครพลาสติก, (http://www.nsm.or.th/other-service/1757-online-science/knowless-inventory/sci-article/science-article-nsm/2801-the-invisibility-of-micro-plastic.html).
อ. ดร. วรงคศิริ เข็มสวัสดิ์, ไมโครพลาสติก: จากเครื่องสำอางสู่สารปนเปื้อนในอาหาร, (http://www.thaitox.org/media/upload/file/Journal/2016-1/50-61.pdf), 2559
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ, BPA คือสารอะไร พบได้ที่ไหนบ้าง, (https://www.mtec.or.th/post-knowledges/2737/).

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)