แนะนำ 4 สูตรสมุนไพรรักษาฝ้า

ที่มาของการเกิดฝ้า แนวทางการรักษา ป้องกัน และ 4 สูตรสมุนไพรหาง่ายใกล้ตัวและช่วยให้รอยฝ้าจางลง
เผยแพร่ครั้งแรก 20 พ.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 9 พ.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
แนะนำ 4 สูตรสมุนไพรรักษาฝ้า

ฝ้า เป็นอาการบนผิวหนังใบหน้าที่เกิดได้กับหลายคน โดยค่าเฉลี่ยแล้วคนเรามักมีฝ้าเมื่ออายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป โดยเกิดในบริเวณที่ถูกแสงแดด เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก ริมฝีปาก คาง และเหนือคิ้ว ลักษณะเป็นแผ่นสีดำอมน้ำตาล ขึ้นเป็นแถบหรือปื้น มักเป็นทั้ง 2 ข้างเท่ากัน ปัจจุบันการรักษาฝ้าค่อนข้างยาก ดังนั้นการป้องกันการเกิดฝ้าด้วยสมุนไพรจึงเป็นเรื่องน่าสนใจ

ฝ้าเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ฝ้า เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของเซลล์เม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง โดยการเสียสมดุลของการสร้างเม็ดสีนั้น สาเหตุส่วนใหญ่มาจากรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet) ในแสงแดดช่วงเวลา 9.00-15.00 น. ซึ่งมีความเข้มของสูง ความเครียด การนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเกิดจากฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนไป เช่น เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ตั้งครรภ์ กินยาคุมกำเนิด หรือใช้เครื่องสำอางบางชนิด ที่มีน้ำหอม สี หรือฮอร์โมนผสมอยู่

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ประเภทของฝ้า

ฝ้า สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ดังนี้

  1. ฝ้าตื้น เกิดจากความผิดปกติบริเวณชั้นหนังกำพร้า เกิดขึ้นง่าย มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลเข้ม ตอบสนองต่อการรักษาได้ดี รักษาให้หายได้
  2. ฝ้าลึก เกิดบริเวณชั้นหนังแท้ ผื่นสีน้ำตาลผสมสีเทาเข้ม ขอบไม่ชัดเจน เนื่องจากอยู่ในระดับที่ลึกมาก การรักษาจึงค่อนข้างยาก
  3. ฝ้าแดด เกิดจากรังสียูวีเอและยูวีบีจากแสงแดด หลอดไฟ แสงสีฟ้าจากคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน เป็นต้น
  4. ฝ้าเลือด มักเกิดจากความผิดปกติของเลือดลมและฮอร์โมน เกิดเป็นลักษณะผิวแดงง่ายเมื่อโดนความร้อนหรือแสงแดด

วิธีป้องกันและรักษาฝ้า

การป้องกันการเกิดฝ้า หลักๆ คือการปกป้องผิวจากแสงแดด เช่น สวมเสื้อแขนยาว สวมหมวก และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปและต้องเป็นแบบ PA+++ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีในระดับสูง นอกจากนี้อย่าลืมทาครีมกันแดดซ้ำ ตามเวลาที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์ เพื่อประสิทธิภาพการกันแดดสูงสุด

นอกจากนี้สามารถป้องกันการเกิดฝ้าได้โดยรับประทานวิตามินซี ซึ่งจะมีคุณสมบัติยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีเนส (Tyrosinase) เอนไซม์ชนิดนี้มีหน้าที่กระตุ้นการทำงานของเม็ดสีใต้ผิวหนัง และด้วยความที่วิตามินซีมีสารต้านสารอนุมูลอิสระสูง จึงสามารถต่อต้านสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสียูวี ช่วยชะลอการเกิดฝ้า กระ และการเกิดริ้วรอยได้ ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ มะขามป้อม ฝรั่ง ลิ้นจี่ ผลไม้ตระกูลส้ม เสาวรส แต่ะทั้งนี้ การรับประทานวิตามินซีมากจนเกินไป ร่างกายจะไม่สามรถดูดซึมได้ทั้งหมด และขับออกทางปัสสาวะ ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และควรรับประทานผักและผลไม้ให้หลากหลายร่วมด้วย

อีกวิธีที่ช่วยทำให้รอยฝ้าจางลง คือการใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของสาร AHA โดยสารชนิดนี้เป็นสารประกอบที่มีฤทธิ์เป็นกรด สกัดมาจากผลไม้ตามธรรมชาติ เช่น มะขาม หรือจากพืชตระกูลส้ม

4 สูตรสมุนไพรรักษาฝ้า

  1. สูตรมะขาม มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใส มะขามเปียกอุดมไปด้วยกรดผลไม้หรือ AHA มีส่วนช่วยในการลดรอยหมองคล้ำ รอยดำจากฝ้าและกระบนผิวหน้าได้ วิธีใช้คือ นำเนื้อมะขามเปียกมาผสมน้ำเล็กน้อย นำมาพอกหรือทาบางๆ บริเวณที่เป็นรอยฝ้า หรือทาทั่วทั้งใบหน้าก็ได้ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด หรือถ้ามีอาการระคายเคืองหรือแสบผิว สามารถล้างออกก่อนได้
  2. สูตรทานาคา ทานาคาก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดริ้วรอยและชะลอความชราของผิวหน้า ทั้งยังป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด นอกจากนี้ ทานาคายังสามารถลดการสร้างเม็ดสีเมลานินใต้ผิวได้อีกด้วย วิธีใช้คือ นำผงทานาคามาผสมน้ำหรือไม่ผสมก็ได้ จากนั้นทาให้ทั่วทั้งใบหน้าก่อนหรือหลังเผชิญแสงแดด
  3. สูตรว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น ป้องกันฝ้า ลบรอยดำ บรรเทาอาการผิวไหม้จากแสงแดด และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ นอกจากนี้การศึกษาทางคลินิกยังพบว่า วุ้นจากใบว่านห่างจระเข้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและมีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์ผิวหนังในการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้อีกด้วย วิธีใช้คือ นำใบว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกเขียวและล้างยางสีเหลืองออกให้หมด นำส่วนวุ้นมาทาเฉพาะจุดหรือทาทั่วทั้งหน้า และปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก สามารถทำได้ทุกวันก่อนหรือหลังออกแดดก็ได้
  4. สูตรหัวไชเท้า ในหัวไชเท้ามีวิตามินซีหรือกรดแอสคอร์บิกสูงมาก เป็นสารสำคัญที่ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ลดการเกิดรอยด่างดำและรอยฝ้า ช่วยผลัดเซลล์ผิว นอกจากนี้ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งผิวหนังและชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้ เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยหั่นหัวไชเท้าเป็นชิ้นบางๆ หรือบดหยาบ พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะช่วยให้รอยฝ้าจางลงได้ สูตรพอกหน้านี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเนื่องจากมีปริมาณวิตามินซีค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตาม ก่อนใช้สมุนไพรพอกหน้าสูตรต่างๆ ควรทดสอบอาการแพ้ก่อนทุกครั้ง โดยนำสิ่งที่จะทาบนผิวหน้ามาทาบริเวณท้องแขน แล้วสังเกตดูว่ามีอาการผิดปกติใดๆ เช่น คัน แสบ ร้อน เกิดผื่น ฯลฯ หรือไม่ เพื่อป้องกันการเกิดอาการระคายเคืองต่อผิว

บทความที่เกี่ยวข้อง
ฝ้า กระ คืออะไร ป้องกันอย่างไร พร้อมบอกวิธีรักษาฝ้า กระที่ได้ผล


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
ปารยะ อาศนะเสน, ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล, การปฏิบัติตนในการรักษาฝ้า กระ หรือรอยดำ (http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_files/642_1.pdf), เข้าถึงเมื่อ 26 เม.ย. 2562.
ธิดารัตน์ จันทร์ดอน, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ว่านหางจระเข้: บรรเทาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก (http://medherbguru.gpo.or.th/articles/D26_aloevera.pdf), 11 ก.พ. 2561.
ธัมม์ทิวัตถ์ นรารัตน์วัชชัย, ฝ้า กระ (http://anti-aging.mfu.ac.th/admin/uploadCMS/research/uxWed125754.pdf), เข้าถึงเมื่อ 26 เม.ย. 2562.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)