สารอะไรในครีมทาผิวที่ทำให้แพ้ได้ อาการเป็นอย่างไรบ้าง และวิธีการบรรเทาอาการแพ้

สารเคมีชนิดใดที่ควรหลีกเลี่ยงในครีมทาผิว แนะนำวิธีเลือกใช้ครีมทาผิวอย่างปลอดภัย และวิธีดูแลผิวเมื่อเกิดอาการแพ้
เผยแพร่ครั้งแรก 6 ก.พ. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที
สารอะไรในครีมทาผิวที่ทำให้แพ้ได้ อาการเป็นอย่างไรบ้าง และวิธีการบรรเทาอาการแพ้

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • เมื่อใช้ครีมทาผิวแล้วเกิดอาการแสบ ผื่นแดง แห้งลอก คัน ตุ่มแดง หรือตุ่มน้ำ ให้หยุดใช้ทันที เพราะนั่นคืออาการแพ้ครีมทาผิว
  • สารเคมีในครีมทาผิวที่คนผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง เช่น สารกันเสีย น้ำหอม แอลกอฮอล์ โพรพิลีนไกลคอล หรือลาโลนิน
  • สารต้องห้ามที่ห้ามใช้ในครีมทาผิวเด็ดขาด ได้แก่ ปรอท สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน และกรดเรติโนอิก
  • ก่อนใช้ครีมทาผิวควรตรวจสอบส่วนประกอบของครีม วันเดือนปีที่ผลิต เครื่องหมายรับรองมาตรฐาน อย. และทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้งาน
  • หากหยุดใช้ครีมแล้วอาการแพ้ไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับยาแก้แพ้ หรือยาลดการอักเสบ และต้องรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวเสมอ (ดูแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ได้ที่นี่)

ครีมทาผิว (Skin care) เป็นหนึ่งในเครื่องสำอาง หรือเวชสำอางที่จำเป็นสำหรับใครหลายคน โดยมักเลือกใช้ตามปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป เช่น ลดริ้วรอย ลดความหมองคล้ำ หรือเพิ่มความชื้น

อย่างไรก็ตามครีมทาผิวแต่ละชนิด ก็มีส่วนผสม หรือสารเคมีที่แตกต่างกันไป หากใช้ครีมโดยไม่ระมัดระวังก็อาจทำให้เกิดการแพ้ครีมทาผิวตามมาได้ เช่น เป็นผื่น คันตามตัว หรือรอยแดง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ทำไมเราถึงแพ้ครีมทาผิว สาเหตุเกิดจากอะไร และรักษาได้ไหม หาคำตอบได้ที่บทความนี้

แพ้ครีมทาผิวเกิดจากอะไร?

กลไกการเกิดอาการแพ้ครีมทาผิว หรือแพ้เครื่องสำอาง ก็คล้ายกับอาการแพ้อื่นๆ คือ ภูมิคุ้มกันในร่างกายไวต่อสารเคมี หรือส่วนผสมที่อยู่ในครีมทาผิว ทำให้เกิดอาการแพ้ตามมา

อาการแพ้ครีมทาผิวมักแสดงอาการทางระบบผิวหนัง เช่น มีผื่นแดง คัน แสบร้อน แห้งลอก ตุ่มแดง หรือตุ่มน้ำ

บางรายที่มีอาการแพ้รุนแรง (พบได้น้อย) อาจมีอาการบวมแดง ลมพิษ แน่นหน้าอก หรือหายใจไม่ออกร่วมด้วย หากเกิดอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์ เพราะอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

อย่างไรก็ตามอาการที่เกิดขึ้นส่วนมากมักไม่ใช่อาการแพ้ แต่เป็นการระคายเคืองจากการที่มีผิวหนังบอบบาง (Sensitive skin) มากกว่า

อาการระคายเคืองจะแตกต่างจากอาการแพ้ตรงที่เมื่อหยุดใช้ครีมทาผิวนั้นๆ อาการก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

5 สารเคมีในครีมทาผิวที่ควรหลีกเลี่ยง

ครีมทาผิวแต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อ จะมีส่วนผสมที่แตกต่างกันไป โดยครีมทาผิวที่ได้มาตรฐานจะแจ้งรายละเอียดของส่วนประกอบทั้งหมดที่กล่องบรรจุภัณฑ์ หรือตัวผลิตภัณฑ์

การทำความเข้าใจส่วนประกอบของครีมทาผิวจะสามารถลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้ได้มาก และช่วยให้คุณเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างปลอดภัย

5 สารเคมีต่อไปนี้ เป็นสารที่คนผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง เพราะอาจเสี่ยงต่อการแพ้ได้

1. สารกันเสีย (สารในกลุ่มพาราเบน)

  • ครีมทาผิวส่วนมากผสมสารพาราเบนเข้าไป โดยสารที่มักเห็นบ่อยๆ คือ เมทิลพาราเบน (Methylparaben) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
  • กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้มีอัตราการใช้ไม่เกิน 0.4% เมื่อใช้ชนิดเดียว และ 0.8% เมื่อใช้หลายชนิด
  • ส่วนใหญ่มักก่อให้เกิดสิวในผู้ที่แพ้ ซึ่งเราสามารถรักษาตามอาการได้เลย โดยหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ก่อน
  • ปัจจุบันได้มีการจำกัดปริมาณการใช้พาราเบนในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้ว เพราะพบว่า สามารถดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้ และอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม
  • ครีมทาผิว หรือเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของพาราเบนจะเขียนกำกับไว้ชัดเจน เช่น Non-Paraben แต่จะมีราคาสูงกว่าครีมทั่วไป

2. สารลาโนลิน (Lanolin)

  • สารลาโนลิน เป็นน้ำมันที่สกัดมาจากน้ำมันหล่อเลี้ยงบนขนแกะ และมีความปลอดภัยสูง มีสรรพคุณช่วยปรับสภาพผิวของเราให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ลดความหยาบกระด้างลงได้
  • สำหรับบางคนอาจทำให้เกิดภูมิแพ้ หรือผื่นคันได้ อาการแพ้จะน้อย หรือมากขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
  • หากแพ้น้อย สามารถไปปรึกษาเภสัชกรเพื่อทำการรักษาได้
  • แต่ถ้าแพ้มาก เช่น มีผื่นลมพิษ หายใจไม่ออก หรือแน่นหน้าอกก็ควรไปพบแพทย์เฉพาะทาง และต่อไปก็ไม่ควรใช้ครีมบำรุงที่มีสารนี้เป็นส่วนผสมอีก

3. หัวน้ำหอม (Fragrances)

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • เป็นสาเหตุอันดับตรงๆ ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ หรืออาการระคายเคือง มักพบในส่วนผสมของครีมกันแดด ครีมทาผิวกาย ครีมทาหน้า ซีรัม ยาสระผม หรือเครื่องแต่งหน้า
  • กลิ่นของน้ำหอมอาจทำให้เกิดผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ตื่นตัว ซึมเศร้า และอาจเกิดการระคายเคืองในโพรงจมูกด้วย
  • หากแพ้ภายนอกก็อาจทำให้เกิดสิวได้ ถ้าเกิดอาการแพ้จะต้องหยุดใช้ทันที

4. โพรพิลีนไกลคอล (Propylene Glycol: PEG)

  • เป็นสารที่มักผสมลงในครีมบำรุงผิวเพื่อทำให้เนื้อครีมเข้มข้นขึ้น พบว่า เป็นสารที่รบกวนการสร้างไขมันตามธรรมชาติของผิวหนัง ทำให้ผิวแห้งกร้าน หรือเสื่อมสภาพลง
  • เมื่อผิวอ่อนแอลงก็มีโอกาสทำให้แพ้ง่าย เสี่ยงติดเชื้อได้มากขึ้น และอาจทำให้เกิดผื่นแพ้ได้

5. สารสกัดจากน้ำมันปิโตรเลียม Mineral Oil (Petrolatum)

  • เป็นน้ำมันที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิว ทำให้แต่งหน้าติดทนมากขึ้น เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง
  • หากผิวคนผิวมันใช้ก็อาจทำให้ผิวอุดตัน และเกิดสิวตามมาได้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นสิวอักเสบอีกด้วย
  • ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมักพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใส่สารตัวนี้ลงไป เพื่อป้องกันการตกค้างของน้ำมัน จนทำให้เกิดสิวตามมา และอาจส่งผลให้รูขุมขนกว้างอีกด้วย

สารต้องห้ามในครีมทาผิวที่ห้ามใช้เด็ดขาด

ปัจจุบันมีครีมทาผิว หรือครีมทาหน้าขาวที่ไม่ได้มาตรฐานวางขายตามท้องตลาดหลายยี่ห้อ โดยจะมีสรรพคุณช่วยให้ผิวขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว

ครีมเหล่านี้มักมีส่วนผสมของสารเคมีที่ใช้สำหรับยารักษาโรคผิวหนังโดยเฉพาะอยู่ด้วย แม้ว่าจะสามารถช่วยให้ผิวขาวขึ้นในระยะสั้น แต่ก็มีอันตรายต่อผิวมาก และเกิดผลข้างเคียงตามมามากมาย

4 สารต้องห้ามที่ห้ามใช้ในครีมทาผิว หรือเครื่องสำอางมีดังนี้

1. ปรอท (Mercury)

  • ทำให้ผิวขาวขึ้น และป้องกันการเกิดสิวจากเชื้อแบคทีเรีย
  • สามารถทำให้เกิดการแพ้ ผื่นแดง ผิวหน้าดำ เกิดฝ้าถาวร หรือผิวบางลงได้
  • หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ตัวยาสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ตับ ไต และทางเดินอาหารอักเสบ อีกทั้งยังทำให้เป็นโรคโลหิตจางอีกด้วย
  • หญิงตั้งครรภ์ห้ามใช้เด็ดขาด เพราะอาจส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้

2. ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)

  • ช่วยยับยั้งเม็ดสี ทำให้ผิวขาวขึ้น
  • มีอาการแสบร้อน ตุ่มขึ้น และผิวคล้ำบริเวณที่ใช้
  • หากใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนัง
  • หากใช้ในปริมาณสูง ตัวยาสามารถถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ โดยจะทำให้เกิดอาการสั่น ลมชัก หรือเกิดอาการแพ้ยา หากมีอาการดังกล่าวควรไปพบแพทย์ทันที

3. สเตียรอยด์ (Steroid)

  • มักพบในครีมทาหน้าขาว เพราะมีสรรพคุณทำให้ผิวขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ทำให้มีผดผื่นขึ้นง่าย ผิวหน้าบาง ส่งผลให้ไวต่อมลภาวะในอากาศ เมื่อมาสัมผัสบนใบหน้าก็จะทำให้เกิดอาการแพ้ หรือการอักเสบได้ง่าย

4. กรดเรติโนอิก (Retinoic acid)

  • ช่วยในการยับยั้งเม็ดสี ป้องกันการเกิดสิวอุดตัน
  • ทำให้ผิวระคายเคือง แสบ หน้าลอก อักเสบ หรือไวต่อแดด
  • หญิงตั้งครรภ์ห้ามใช้เด็ดขาด เพราะอาจส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์

วิธีป้องกันอันตรายจากสารต้องห้ามเหล่านี้คือ เวลาเลือกซื้อครีมทาหน้า หรือเครื่องสำอางอื่นๆ ให้ซื้อในสถานประกอบการที่เชื่อถือได้ เพื่อป้องกันของปลอม และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรองรับจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

หากสงสัยว่า ครีมทาหน้าที่กำลังใช้อยู่อันตรายหรือเปล่า หรือต้องการตรวจสอบเลขอย. สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ของอย. www.fda.moph.go.th คลิกไปที่หมวดตรวจสอบผลิตภัณฑ์

วิธีการดูแลรักษาอาการแพ้

  • เมื่อเกิดอาการแพ้ให้หยุดใช้ครีมทาหน้าที่คาดว่า เป็นสาเหตุของอาการแพ้ทันที แต่ถ้าไม่แน่ใจก็ให้หยุดใช้ครีมทั้งหมด โดยปกติแล้วเมื่อหยุดใช้อาการก็มักจะดีขึ้น
  • หากอาการแย่ลง หรือแพ้ง่ายขึ้น ให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม โดยแพทย์จะเริ่มจากการรักษาอาการแพ้โดยให้ยาต้านฮีสตามีน และครีมทาลดการอักเสบก่อน ซึ่งเป็นยาที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์
  • อย่ากังวลถ้าหากมีสิวอักเสบ รอยแดง หรือรอยดำในช่วงที่ผิวอักเสบจากอาการแพ้ ให้รักษาอาการแพ้ให้ผิวกลับมาแข็งแรงเป็นปกติก่อน แล้วค่อยรักษาอาการเหล่านี้ในภายหลัง
  • รักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยการทามอยเจอร์ไรซ์เซอร์ที่อ่อนโยน อย่าปล่อยให้ผิวแห้ง เพราะจะยิ่งเสี่ยงต่อการอักเสบมากยิ่งขึ้น

วิธีเลือกใช้ครีมทาผิวอย่างปลอดภัย

  • ใช้ครีมทาหน้าที่ได้รับมาตรฐานผ่านการรับรองจากอย.
  • ไม่ใช้ครีมทาหน้าที่หมดอายุ และเมื่อเปิดใช้งานจะต้องดูด้วยว่า ครีมมีอายุได้กี่เดือนหลังเปิดใช้ สังเกตรายละเอียดได้จากบรรจุภัณฑ์
  • หากเป็นคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายจะต้องใส่ใจกับส่วนประกอบในครีมทาหน้าด้วย ไม่ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หัวน้ำหอม สารกันเสีย หรือสารต้องห้ามที่ได้กล่าวไปในข้างต้น
  • เลือกใช้ครีมทาผิวให้เหมาะกับสภาพผิวหน้าของตัวเอง เนื่องจากครีมแต่ละตัวผลิตมาเพื่อคนที่ผิวหน้าแตกต่างกัน เช่น ผิวแห้ง ผิวบอบบาง ผิวมัน หรือผิวผสม
  • หากใช้ครีมทาหน้าไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็ตาม ควรทดสอบอาการแพ้ก่อน

วิธีทดสอบอาการแพ้ครีมทาหน้าด้วยตัวเอง

ก่อนเริ่มใช้ครีมทาหน้าอันใหม่ ควรทดสอบก่อนทุกครั้งว่า มีอาการแพ้หรือไม่ โดยคุณสามารถทดสอบการแพ้ด้วยตัวเองง่ายๆ ดังนี้

  • ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ โดยทาในปริมาณน้อยๆ บริเวณหลังใบหู หรือท้องแขน
  • รอประมาณอย่างน้อย 48-72 ชั่วโมง หรือทาติดต่อกันประมาณ 1-2 สัปดาห์
  • หากมีผื่นแดง มีตุ่มนูน คัน แสบ หรือผิวไหม้ แสดงว่า คุณแพ้สารเคมี หรือส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์นั้นๆ ไม่ควรใช้อย่างเด็ดขาด

อาการแพ้ครีมทาผิวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด หากเราศึกษาส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ เลือกใช้ครีมที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง และทดสอบผลิตภัณฑ์ก่อนใช้งาน ก็สามารถป้องกันการเกิดอาการแพ้ได้แล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดอาการแพ้ก็อย่าตื่นตระหนก ให้คุณหยุดใช้ครีมทาผิวทันที และทำตามคำแนะนำเบื้องต้น ก็จะช่วยลดความรุนแรงของอาการแพ้ได้

แต่หากอาการแพ้ยังไม่ดีขึ้น คุณควรไปพบแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะการรักษาที่ถูกวิธีจะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ และป้องกันไม่ให้อาการแพ้รุนแรง

ดูแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


11 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Understanding allergic reactions to skin care products. National Institutes of Health (NIH). (https://www.nih.gov/news-events/nih-research-matters/understanding-allergic-reactions-skin-care-products)
Allergens in Cosmetics. U.S. Food and Drug Administration (FDA). (https://www.fda.gov/cosmetics/cosmetic-ingredients/allergens-cosmetics)
Are You Allergic to Your Skin Care Products?. Verywell Health. (https://www.verywellhealth.com/allergic-to-skin-care-products-4121121)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป