วิธีการทำอาหารสไตล์ฝรั่งสำหรับเด็กอ่อน

เผยแพร่ครั้งแรก 18 ม.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 1 นาที
วิธีการทำอาหารสไตล์ฝรั่งสำหรับเด็กอ่อน

การทำอาหารเองที่บ้านสามารถช่วยลดค่าใช่จ่ายและยังทำให้รู้ว่าอาหารที่ลูกของคุณกำลังรับประทานมีส่วนผสมอะไรบ้าง ซึ่งอาหารที่เตรียมเองนั้นสามารถเก็บไว้ได้นานประมาณ 1 เดือน

ความยากง่าย : ปานกลาง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

เวลาที่ใช้ในการทำ : 10-15 นาที

ขั้นตอนการทำ :

  • ทำความสะอาดผักหรือผลไม้สดชนิดใดก็ได้ที่คุณได้ซื้อมาเพื่อล้างเอาสิ่งสกปรกและสารเคมีที่ตกค้างอยู่ออกไป
  • ต้มหรือนึ่งผักหรือผลไม้เหล่านั้น คุณอาจอยากให้อาหารเป็นอาหารแบบบดหากลูกของคุณเพิ่งจะเริ่มรับประทานของแข็ง หากลูกของคุณเริ่มทานอาหารมาแล้วประมาณ 2 เดือน คุณอาจทำให้อาหารนิ่มพอที่จะจิ้มด้วยส้อมได้ก็พอ เพื่อให้ได้สัมผัสที่หนาขึ้น
  • เทอาหารที่เตรียมไว้ลงในเครื่องบดหรือเครื่องเตรียมอาหาร จนอาหารมีสัมผัสที่นิ่มเพียงพอต่อการรับประทานของทารกในแต่ละช่วงอายุของเด็ก
  • เกลี่ยอาหารลงบนถาดเพื่อทำการนำเปลือกผักหรือผลไม้ที่หลงเหลือออก หรือคุณอาจจะเลือกเปลือกผักหรือผลไม้ออกตั้งแต่ก่อนต้มก็ได้
  • นำอาหารที่ทำการบดแล้วลงในถาดน้ำแข็งและปิดด้วยพลาสติกคลุมอาหารก่อนจะนำเข้าช่องแช่แข็ง เมื่ออาหารแข็งได้ที่แล้ว คุณก็สามารถนำมาใส่ถุง ziplock หรืออุปกรณ์เก็บอาหารอื่นๆ อย่าลืมที่จะระบุชนิดของอาหารและวันที่เตรียมไว้บนถุง
  • เมื่อจะอาหารเหล่านี้ออกมารับประทาน ให้นำออกมาในจำนวนเท่าที่ต้องการและรอให้ละลายหรือนำไปละลายในไมโครเวฟ

คำแนะนำ

  • ผักและผลไม้สดเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุด แต่ถ้ายังไม่ถึงฤดูกาลออกผลของผักหรือผลไม้สดเหล่านั้นอาจจะใช้เป็นผักหรือผลไม้แช่แข็งหรือผักผลไม้กระป๋องก็ได้ เพราะการใช้ผลไม้กระป๋องเป็นสิ่งที่ดีเมื่อพ้นจากหน้าของผลไม้สด
  • เมื่อทารกของคุณเพิ่งเริ่มกินอาหารแข็ง ควรให้เริ่มรับประทานอาหารทีละ 1 อย่างเพื่อระบุอาหารที่แพ้หากมีอาการ เมื่อลูกของคุณโตขึ้น คุณจะทราบว่าอาหารชนิดไหนที่เขาสามารถรับประทานได้และเริ่มผสมผักหรือผลไม้ 2-3 อย่างเข้าด้วยกัน
  • การใช้เครื่องปรุงรสจำพวก เกลือ น้ำตาลหรือสารกันบูด ให้ใส่เพียงเล็กน้อย เพราะเด็กไม่ต้องการเครื่องปรุงรสเหล่านี้เลย และบางอย่างเช่นน้ำมะนาวอาจทำให้เด็กมีอาการแพ้ได้
  • ผลไม้บางชนิดไม่จำเป็นต้องต้มหรือทำให้สุก เช่น กีวี่ และกล้วย
  • ผักหรือผลไม้ที่ควรเริ่มต้นรับประทานเช่นแอปเปิ้ล พลัม ลูกแพร์ แอปริคอท พีข กล้วบ แครอท ถั่ว ถั่วเขียว butternut squash และมันหวาน

อุปกรณ์ที่คุณต้องการ

  • ตะกร้าสำหรับนึ่ง เครื่องนึ่ง หรือไมโครเวฟที่นึ่งได้
  • เครื่องปั่น หรือเครื่องเตรียมอาหาร
  • ถาดใส่น้ำแข็ง
  • พลาสติกห่ออาหาร
  • อุปกรณ์เก็บอาหารหรือถุงพลาสติกสำหรับแช่แข็ง
  • ผลไม้และผัก

1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
sciencedirect.com, Original article Food, eating behavior, and culture in Chinese society (https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2352618115000657)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป