กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
พญ.นันทิดา สาลักษณ
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
พญ.นันทิดา สาลักษณ

สาเหตุและวิธีรักษาเกลื้อน

แนะนำวิธีรักษาเกลื้อน เพื่อจะได้ไม่กลับมาเป็นเกลื้อนซ้ำอีก
เผยแพร่ครั้งแรก 27 พ.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 11 ส.ค. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
สาเหตุและวิธีรักษาเกลื้อน

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • โรคเกลื้อน เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา มักพบเป็นผื่นสีขาว สีแดง สีชมพู สีน้ำตาล ผื่นสามารถขยายเป็นขนาดใหญ่ขึ้นได้ และมีรูปร่างไม่แน่นอน
  • โรคเกลื้อนมักเกิดในบริเวณที่มีความมันของร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ หลัง หน้าอก ต้นแขน
  • บริเวณอื่นๆที่พบได้ไม่บ่อย เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า ท้อง ขาหนีบ
  • วิธีรักษาและดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคเกลื้อนมีหลายวิธี ส่วนมากเป็นการทายาฆ่าเชื้ออย่างสม่ำเสมอ การรักษาร่างกายให้อยู่ในสภาพที่แห้ง ไม่อับชื้น และสะอาดเสมอ
  • ยาสำหรับรักษาโรคเกลื้อนมีหลายตัวและมีสรรพคุณแตกต่างกันไป คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้จ่ายยาเหล่านี้ให้ และควรให้แพทย์เป็นผู้แนะนำวิธีดูแลตนเองอย่างเหมาะสม
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิงและผู้ชายทุกวัย 

เกลื้อน (Pitiriasis versicolor) เป็นโรคผิวหนังความรุนแรงต่ำที่มีสาเหตุมาจากเชื้อรามาสซีเซีย เฟอร์เฟอร์ (Malassezia furfur) ซึ่งความจริงแล้วเป็นเชื้อที่พบได้ตามปกติบนผิวหนัง แต่จะก่อโรคหากมีสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม มักเกิดในบริเวณที่มีความมันของร่างกาย

เกลื้อนเป็นโรคที่คนส่วนมากมักสับสนกับโรคกลาก แต่ผื่นมีลักษณะที่แตกต่างกัน เนื่องจากเกลื้อนสามารถพบผื่นได้หลากหลายสี เช่น สีขาว สีแดง สีน้ำตาล สีชมพู ขอบเขตชัดเจน อาจมีรูปร่างที่ไม่แน่นอน และสามารถลามเป็นปื้นขนาดใหญ่ อาจพบขุยแบบละเอียดร่วมด้วย 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจตับวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 78 บาท ลดสูงสุด 65%

ตรวจตับ วันนี้ เปรียบเทียบราคา / ประหยัดกว่า / ผ่อน 0% ได้ / แอดมินพร้อมให้บริการ กดที่นี่

เนื่องจากเกลื้อนอาจมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับโรคผิวหนังชนิดอื่นได้ จึงควรได้รับการขูดตรวจทางห้องปฏิบัติการว่า พบเชื้อเกลื้อนหรือไม่ ก่อนรักษา

บริเวณที่เกิดโรคเกลื้อนมักขึ้นในเป็นร่างกายในบริเวณที่มีความมัน ได้แก่ ลำคอ หลัง หน้าอก และต้นแขน ส่วนบริเวณอื่นที่พบได้บ้าง แต่ไม่บ่อยนัก เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า ท้อง ขาหนีบ 

ผู้ป่วยที่เป็นเกลื้อนอาจไม่มีอาการใดๆ เลย หรือเพียงคันเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าโรคเกลื้อนจะไม่ใช่โรครุนแรง แต่เมื่อหายแล้ว สีผิวอาจกลับสู่ปกติได้ช้า อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนเพื่อให้ผิวหนังกลับมาเป็นปกติ ซึ่งก่อให้เกิดความไม่สวยงามได้ และมักกลับเป็นซ้ำอีกได้ หากยังมีความอับชื้น

วิธีรักษาเกลื้อน

1. การรักษาด้วยการใช้แชมพูฟอก

การรักษาด้วยการใช้แชมพูคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) 2% โดยผสมน้ำแล้วใช้ฟองฟอกประมาณ 5-10 นาที 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ สามารถช่วยให้เกลื้อนดีขึ้นได้ และอาจใช้ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำ

-Selenium sulfide shampoo 2.5% ให้ทาทิ้งไว้บริเวณที่เป็นผื่น 10 นาทีแล้วล้างออก ข้อควรระวังคือ ห้ามใช้บริเวณใบหน้าและอวัยวะเพศ

-Zinc pyrithion shampoo

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

2. การรักษาด้วยยาทา 

แนะนำให้รักษาด้วยการทายาฆ่าเชื้อรากลุ่มเอโซล (Azole) เช่น ยาคีโทโคนาโซล (Ketoconazole) โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) เป็นประจำ เวลาเช้า และเย็น ในบริเวณที่มีอาการ โดยจำเป็นต้องทาติดต่อกันอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์เพื่อให้หายขาด 

3. การรักษาด้วยยาชนิดรับประทาน 

มักใช้ในกรณีที่เป็นในบริเวณกว้าง หรือเป็นตามรูขุมขน ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาใช้ยา

การดูแลตนเองเมื่อเป็นเกลื้อน

  1. ชำระล้างร่างกายให้สะอาดเสมอ เลี่ยงความอับชื้น
  2. เช็ดตัวให้แห้งทุกครั้ง อาจใช้ไดร์เป่าแห้ง หรือทาแป้งได้ ในบริเวณที่คาดว่า อับชื้นได้ง่าย
  3. เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เป็นประจำ รวมทั้งซักให้สะอาดและตากให้แห้ง เพื่อลดการสะสมเหงื่อ
  4. เลือกใส่เสื้อผ้าและถุงเท้าที่ระบายเหงื่อได้ดี ไม่หนา ไม่คับ หรือรัดบริเวณที่เป็นผื่นจนแน่นเกินไป

โรคเกลื้อนไม่ได้เป็นโรคที่น่ากลัวอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด อีกทั้งสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากทายาฆ่าเชื้อราอย่างสม่ำเสมอ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้นซ้ำอีก

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิงและผู้ชายทุกวัย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Sewon Kang, Masayuki Amagai, Anna L. Bruckner, Alexander H. Enk, David J. Margolis, Amy J. McMichael, Jeffrey S. Orringer, Fitzpatrick's Dermatology, 9th edition, McGraw-Hill Education, 2019.
NCBI, Zinc Pyrithione Inhibits Yeast Growth through Copper Influx and Inactivation of Iron-Sulfur Proteins (https://aac.asm.org/content/55/12/5753), 21 September 2019.
Ketoconazole 2% shampoo in the treatment of tinea versicolor: a multicenter, randomized, double-blind, placebo-controlled trial. J Am Acad Dermatol. 1998 Dec;39(6):944-50.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป