เติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากด้วยลิปบาล์มสูตรโฮมเมดที่คุณก็ทำได้

เผยแพร่ครั้งแรก 30 มิ.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
เติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากด้วยลิปบาล์มสูตรโฮมเมดที่คุณก็ทำได้

ริมฝีปากเป็นบริเวณที่มีความไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าที่คุณคิด ซึ่งแสงอาทิตย์และสารพิษอื่นๆ ก็สามารถทำร้ายผิวบริเวณริมฝีปากได้อย่างง่ายดาย แต่นอกจากคุณใช้ลิปบาล์มที่หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไปแล้ว ความจริงแล้วเราสามารถทำลิปบาล์มใช้เองได้เช่นกัน นอกจากทำได้ไม่ยากแล้ว วัตถุดิบที่ใช้นั้นก็มาจากธรรมชาติ 100% ซึ่งลิปบาล์มสูตรที่เราจะนำมาแชร์ในวันนี้อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นที่สามารถช่วยฟื้นฟูริมฝีปาก โดยเฉพาะริมฝีปากที่แห้ง รวมถึงช่วยเติมความชุ่มชื้น และกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว แต่ก่อนที่เราจะไปดูวิธีทำลิปบาล์มสไตล์โฮมเมด เราลองมาดูประโยชน์อื่นๆ ของลิปบาล์มสูตรนี้ก่อนค่ะ

ประโยชน์

  • มีส่วนผสมที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก ซึ่งสูญเสียไปหลังจากสัมผัสกับแสงแดด สารเคมี หรือสารอื่นๆ จากสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดอันตราย
  • มีวิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
  • มีสารต้านการอักเสบและสารต้านจุลชีพที่ช่วยสร้างเกราะป้องกันจุลชีพที่สามารถทำให้เกิดการระคายเคือง หรือทำให้ติดเชื้อบริเวณริมฝีปาก
  • มีสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ที่ช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถทำให้แก่ก่อนวัย
  • กรดไขมันจำเป็นช่วยเอื้อต่อการสร้างเซลล์ผิวใหม่และกระตุ้นการรักษาบาดแผล
  • ไม่มีสารเคมีที่อันตรายและใช้ได้กับทุกสภาพผิว

วิธีทำ

ส่วนผสม

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

  • ขี้ผึ้ง ¼ ถ้วย (50 กรัม)
  • น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
  • น้ำมันโจโจ้บาร์ 1 ช้อนชา (5 กรัม)
  • เอสเซนส์มะพร้าว 20 หยด
  • น้ำมันวิตามินอี 2 หยด
  • น้ำผึ้ง ¼ ช้อนชา (2 กรัม)
  • กลีบกุหลาบบด 1 กำมือ

อุปกรณ์

  • บรรจุภัณฑ์ที่ทนความร้อน 1 ชิ้น
  • ช้อนที่ทำจากไม้
  • เหยือกแก้วที่มีฝาปิด 1 ใบ

วิธีเตรียม

  1. ใส่ขี้ผึ้งในบรรจุภัณฑ์และปล่อยให้มันละลาย
  2. ใส่น้ำมันมะพร้าวและโจโจ้บาออยล์ จากนั้นให้คนโดยใช้ช้อนไม้จนกระทั่งส่วนผสมเข้ากันดี
  3. ใส่เอสเซนส์มะพร้าว วิตามินอี และน้ำผึ้ง เมื่อคนจนเข้ากันแล้ว ให้คุณใส่กลีบกุหลาบลงไป
  4. เก็บลิปบาล์มไว้ในเหยือกแก้วที่มีฝาปิด และนำไปเก็บไว้ในสถานที่ๆ เย็นและมืด

วิธีใช้

  • ใช้ปลายนิ้วจิ้มลิปบาล์ม และนำมาทาที่ริมฝีปากจนกระทั่งมันซึมเข้าผิว
  • ทำวันละ 2 ครั้งทุกวัน

เคล็ดลับที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

หากคุณอยากให้ริมฝีปากนุ่มและชุ่มชื้น ให้คุณทำตามเคล็ดลับดังนี้

  • ดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวขาดน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือการสูบบุหรี่ เพราะสารพิษที่พบได้ในสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผิวแห้งและมีจุดด่างพร้อย
  • ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับปากที่หมดอายุ
  • ล้างเมคอัพทุกคืนก่อนเข้านอน
  • ไม่แชร์สิ่งของหรือเครื่องสำอางส่วนตัว เพราะมันสามารถแพร่การติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการเลียริมฝีปาก เพราะมันสามารถทำให้ค่า pH เปลี่ยนไป

ตอนนี้ริมฝีปากของคุณกำลังแห้งและด้านหรือไม่? ถ้าอยากให้ริมฝีปากนุ่มและชุ่มชื้น การใช้ลิปบาล์มสูตรที่เราแนะนำข้างต้นก็จะช่วยให้คุณมีริมฝีปากที่มีสุขภาพดีได้ไม่แพ้การใช้ลิปบาล์มที่มีขายตามท้องตลาด

ที่มา: https://steptohealth.com/make-...


7 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Can You Really Have a Lip Balm Addiction?. Everyday Health. (https://www.everydayhealth.com/healthy-living/is-lip-balm-addiction-real.aspx)
How to Make Lips Pink and Healthy. Healthline. (https://www.healthline.com/health/how-to-make-lips-pink)
Hashizume H. (2004). Skin aging and dry skin. (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15492432)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป