สมุนไพรรักษาเบาหวาน มีอะไรบ้าง? รวมสมุนไพรต้านเบาหวาน

เผยแพร่ครั้งแรก 15 มี.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 4 เม.ย. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
สมุนไพรรักษาเบาหวาน มีอะไรบ้าง? รวมสมุนไพรต้านเบาหวาน

สมุนไพรรักษาเบาหวานเป็นประเด็นน่าสนใจ เนื่องจากปัจจุบันโรคเบาหวานเป็นปัญหาสำคัญ และพบได้บ่อยขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุมาจากพันธุกรรมและพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นแล้วควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี ก็จะนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังจากโรคเบาหวาน อีกทั้งผู้ป่วยอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจำนวนมาก ดังนั้นการใช้สมุนไพรที่หาได้ง่ายและราคาไม่แพงจึงเป็นทางเลือกเสริม ที่จะช่วยลดการเกิดโรคเบาหวาน หรือบรรเทาความรุนแรงของโรคลงได้ รวมทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาและทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ทำความรู้จักกับโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ (น้ำตาลในเลือดมากกว่า 126 มก./ดล.) เนื่องจากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน หรือการดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลิน ส่งผลให้กระบวนการดูดซึมน้ำตาลในเลือดแปลงเป็นพลังงานของร่างกายมีความผิดปกติ จนเกิดน้ำตาลสะสมในเลือดปริมาณมาก เมื่อเป็นเบาหวานระยะแรก ผู้ป่วยอาจสังเกตไม่พบสิ่งผิดปกติ แล้วจึงค่อยๆ ปรากฏอาการภายหลัง หรือในบางรายอาจตรวจพบโรคเบาหวานเมื่อพบภาวะแทรกซ้อนขึ้นแล้ว ฉะนั้นวิธีดีที่สุดที่จะทำให้ทราบถึงความเจ็บป่วย ก็คือตรวจร่างกายประจำปีอย่างสม่ำเสมอ

สมุนไพรรักษาเบาหวาน

มีสมุนไพรหลายชนิดสามารถช่วยป้องกันการดูดซึมน้ำตาลจากระบบทางเดินอาหารของร่างกาย เช่น รำข้าว วุ้นจากว่านหางจระเข้ บุก เม็ดแมงลัก มีใยอาหารสูง ช่วยดูดซับได้มาก ทำให้อาหารในกระเพาะและลำไส้ข้นเหนียว จึงชะลอการดูดซึมน้ำตาลจากอาหารได้ คุณสามารถรับประทานสมุนไพรรักษาเบาหวานกลุ่มนี้ได้ในทุกมื้ออาหาร แต่ไม่ควรรับประทานติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ เนื่องจากความข้นเหนียวของใยอาหารจะทำให้ร่างกายขับออกไม่หมดในแต่ละวัน ฉะนั้นจึงควรรับประทานผักผลไม้อื่นๆ ที่หลากหลายผลัดเปลี่ยนกันไปด้วย และหลีกเลี่ยงการรับประทานสมุนไพรรักษาเบาหวานที่ว่าร่วมกับยาอื่นๆ เนื่องจากจะรบกวนการดูดซึมของยา

นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรรักษาเบาหวานหลายชนิดที่เพิ่มการหลั่งของฮอร์โมนอินซูลิน เช่น มะระขี้นก อบเชย อินทนิลน้ำ ตำลึง ใบหม่อน ผักเชียงดา ซึ่งมีงานวิจัยรองรับ และให้ผลการรักษาที่ดี

แนวทางการใช้สมุนไพรรักษาเบาหวาน

  • ว่านหางจระเข้ มีสารที่เป็นเมือก ช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาล วิธีรับประทานคือ นำว่านหางจระเข้มาปอกเปลือกและล้างให้สะอาด ที่สำคัญคืออย่าให้น้ำยางสีเหลืองหลงเหลืออยู่ เพราะรับประทานเข้าไปแล้วอาจทำให้ท้องเสีย จากนั้นจึงนำวุ้นไปต้มในน้ำเดือด นำมารับประทานคู่กับน้ำใบเตยได้
  • เม็ดแมงลัก มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับว่านหางจระเข้ วิธีรับประทานคือ นำเม็ดแมงลักประมาณ 1 ช้อนชาใส่ลงในน้ำต้มสุก 250 มิลลิลิตร แล้วทิ้งไว้พองตัวเต็มที่ ซึ่งจะสามารถสังเกตได้จากวุ้นสีขาวรอบๆ เมล็ด จากนั้นสามารถนำมารับประทานได้เลย โดยอาจจะรับประทานคู่กับน้ำเต้าหู้ก็ได้ ข้อควรระวังคือ หากเม็ดแมงลักยังไม่พองมากพอ เมื่อกินเข้าไปแล้วจะดูดน้ำจากกระเพาะอาหาร และจับตัวเป็นก้อนไปในลำไส้ อาจทำให้ผู้รับประทานมีอาการท้องผูกและแน่นท้องมากขึ้น
  • บุก หรือ บุกรอ มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับว่านหางจระเข้และเม็ดแมงลัก วิธีรับประทานคือ นำเส้นบุกสำเร็จรูปมาประกอบอาหารแทนการใช้วุ้นเส้น
  • มะระขี้นก เป็นสมุนไพรรักษาเบาหวานที่มีวิตามินเอและซีสูง วิธีรับประทานคือ นำผลสดมารับประทาน มื้อละ 2 ลูก หรือถ้าเป็นผลแก่ควรเอาเมล็ดออก รับประทานคู่กับน้ำพริกและผักสดชนิดๆ อื่นตามชอบ หรือรับประทานในรูปแบบยาต้มชง โดยเอามะระขี้นกผลเล็กมาผ่าเอาแต่เนื้อ หั่นชิ้นเล็กๆ ตากแดดให้แห้ง แล้วชงกับน้ำต้มเดือด โดยใช้มะระขี้นก 1-2 ชิ้น ต่อน้ำ 1 ถ้วย หรือจะนำไปประกอบอาหารเช่นมะระขี้นกผัดไข่ก็ได้
  • ตำลึง จัดเป็นผักที่หาง่าย สามารถใช้ได้ทั้งส่วนใบ ราก ผล มีคุณค่าทางอาหารสูง นอกจากนี้ยังช่วยระบาย เนื่องจากมีกากใยสูงอีกด้วย วิธีรับประทานคือ ใช้เถาตำลึงสับเป็นท่อนๆ ยาว 2-3 นิ้ว จำนวน 1 กำมือ ใส่น้ำพอท่วม ต้มนาน 15-20 นาที นำมาดื่มติดต่อกัน อย่างน้อย 7-10 วัน จะช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้หรือนำไปประกอบเป็นเมนูอาหาร เช่น แกงจืดตำลึง ก๋วยเตี๋ยวตำลึง ตำลึงผัดไข่ เป็นต้น
  • อินทนิลน้ำ เป็นสมุนไพรรักษาเบาหวานที่เป็นที่นิยม และมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ ตามอย่างพื้นบ้านจะใช้เฉพาะใบแก่จัดจำนวน 7 ใบนำไปตากแห้ง จากนั้นต้มกับน้ำ แล้วรับประทาน
  • หม่อน เป็นสมุนไพรรักษาเบาหวานที่นิยมนำมาชงดื่ม และยังมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลอีกด้วย วิธีรับประทานคือ นำใบหม่อนมาตากแห้ง จากนั้นจึงนำมาบดเป็นผง ใช้ประมาณ 1-2 ช้อนชา ชงกับน้ำร้อน แนะนำให้รับประทานก่อนมื้ออาหาร จะช่วยให้ลดน้ำตาลได้ดีขึ้น
  • ผักเชียงดา เป็นผักพื้นบ้านทางภาคเหนือ ส่วนภาคกลางจะเรียกกันว่า ผักจินดา ควรเลือกรับประทานผักเชียงดาใบอ่อนที่ไม่ผ่านความร้อน จึงจะได้ประโยชน์ด้านคุณค่าทางอาหารมากที่สุด โดยนำใบหม่อนมารับประทานเป็นผัก รับประทานกับลาบ ตำมะม่วง หรือใส่ในแกงแค แกงเลียง ต้มเลือดหมู ก็ได้เช่นกัน

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรรักษาเบาหวาน

สมุนไพรรักษาเบาหวานที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ล้วนมีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด แต่สิ่งที่พึงระวังคือ ในกรณีที่ผู้ป่วยรับประทานควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน อาจทำให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำเกินไป จนทำให้เกิดอาการด้านลบ เช่น มึนศีรษะ รู้สึกร้อน เหงื่อออกมาก กระวนกระวาย มือสั่น คล้ายกับหิวอยู่ตลอดเวลา หัวใจเต้นแรงและเร็ว รู้สึกหวิวๆ คล้ายจะเป็นลม หน้ามืด เป็นต้น หากมีอาการดังกล่าว ให้แก้ไขเบื้องต้นด้วยการดื่มน้ำหวานหรืออมลูกอม แล้วนั่งพัก 15 นาที อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น


2 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
รศ.รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล, สมภพ ประธานธุรารักษ์, วงศ์สถิต ฉั่วกุล และจุฑาธิป เขียววงษ์จันทร์, สมุนไพรและตำรับยาไทย การเลือกใช้ตามหลักวิชาการ, 2555.
รศ.รุ่งระวี เต็มศิริฤกษ์กุล และคณะ, สมุนไพรและเครื่องยาไทย ในยาสามัญประจำบ้าน, 2557.

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
การนอน (Sleep)
การนอน (Sleep)

นอนเท่าไหร่ถึงจะพอ? ความรู้เรื่องการนอนเพื่อสุขภาพ

อ่านเพิ่ม