ภายหลังจากการได้รับวัคซีนตับอักเสบ A ครบ 2 เข็มแล้วนั้นจะทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนเกือบ 100% มีภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดโรค
วัคซีนตับอักเสบ A สามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ โดยการเตรียมร่างกายให้มีการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคไว้ก่อน
อย่ารอสุขภาพดี! คุณเริ่มได้วันนี้ แค่คลิก
เลือกดูสินค้าและบริการสุขภาพดีๆที่เราคัดมาให้ที่ Health Shop

วัคซีนไวรัสตับอักเสบ A คืออะไร?
วัคซีนไวรัสตับอักเสบ A เป็นเชื้อไวรัสตับเสบ A ชนิดเชื้อตายโดยในปัจจุบันมีวัคซีน 2 แบบ คือ HAVRIX และ VAQTA ซึ่งผลิตโดยบริษัท GlaxoSmithKline และ Merck ตามลำดับ CDC ได้กล่าวว่าการฉีดวัคซีนเข็มแรกนั้นจะทำให้ผู้ใหญ่ที่ได้รับวัคซีนมากกว่า 95% และ เด็กมากกว่า 97% เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ และผู้ที่ได้รับวัคซีนเกือบ 100% จะเกิดการสร้างภูมิคุ้มกันภายหลังจากได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 (ซึ่งจะฉีดหลังจากได้วัคซีนเข็มแรกไปแล้ว 6 เดือน) งานวิจัยพบว่าวัคซีนทั้ง 2 แบบนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดโรคตับอักเสบ A ได้เท่ากัน HAVRIX เป็นวัคซีนชนิดแรกที่เข้าสู่ตลาดเมื่อปี 1995 มีประสิทธิภาพสูงถึง 94% ในการป้องกันการเป็นไวรัสตับอักเสบ A จากการศึกษาในเด็กไทย 40,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 1-16 ปีที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่มีอัตราการเกิดโรคตับอักเสบ A สูง และเมื่อเปรียบเทียบกับ VAQTA ซึ่งเข้าสู่ตลาดในปี 1996 มีการศึกษาในนิวยอร์กซึ่งทำการศึกษาในเด็ก 1000 คน อายุระหว่าง 2-16 ปีซึ่งอายุอยู่ในชุมชนที่มีอัตราการเกิดโรคตับอักเสบ A สูง พบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกัน 100% ในประเทศจีนและบางส่วนของอินเดียมีการใช้วัคซีนตับอักเสบ A ซึ่งผลิตจากเชื้อไวรัสตัวเป็นที่ถูกทำให้อ่อนแรง องค์การอนามัยโลกได้จัดให้วัคซีนนี้เป็นวัคศีนที่ปลอดภัยและสามารถป้องกันการเกิดโรคได้สูง
ใครที่ควรจะต้องได้รับวัคซีน
ในปัจจุบัน CDC ได้แนะนำให้เด็กทุกคนได้รับวัคซีนตับอักเสบเข็มแรกเมื่อมีอายุระหว่าง 1-2 ปี และเข็มที่ 2 หลังจากเข็มแรกไปแล้ว 6-12 เดือน อย่างไรก็ตาม เด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนก่อนอายุ 2 ขวบนั้นยังสามารถรับวัคซีนภายหลังได้ ผู้ใหญ่ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนควรฉีดวัคซีนหากมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ A
กลุ่มที่มีความเสี่ยงนี้ประกอบไปด้วย
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนที่มีอัตราการเกิดโรคไวรัสตับอักเสบ A สูง
- มีการใช้ยาเสพติดที่ผิดกฏหมาย (ซึ่งรวมถึงยาที่ไม่ได้ฉีดเข้าเส้น)
- เป็นโรคตับเรื้อรังหรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่นฮีโมฟีเลีย
- มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ A จากการทำงาน เช่นจากการทำงานในห้องปฏิบัติการ หรือทำงานกับสัตว์ที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ A
ผู้ที่เดินทางไปยังประเทศที่มีอัตราการเกิดโรคไวรัสตับอักเสบ A สูงนั้นก็จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคสูงเช่นกัน และอาจต้องได้รับวัคซีน CDC แนะนำให้ผู้สูงอายุที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและผู้ที่เป็นโรคตับหรือโรคเรื้อรังอื่นๆ เข้ารับวัคซีนและภูมิคุ้มกันแบบฉีดภายใน 2 สัปดาห์หลังจากเดินทางไปยังบริเวณที่มีอัตราการเกิดโรคสูง ผู้ที่เลือกที่จะไม่รับวัคซีนหรือไม่สามารถรับวัคซีนได้เนื่องจากอายุน้อยกว่า 12 เดือนหรือมีการแพ้วัคซีนควรจะเข้ารับการภูมิคุ้มกันแบบฉีด 1 ครั้งก่อนเดินทาง การได้รับภูมิคุ้มกันประเภทนี้สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ A ได้นานถึง 3 เดือน TWINRIX เป็นวัคซีนรวมของตับอักเสบ A และ B และเริ่มเข้าสู่ตลาดตั้งแต่ปี 2001 วัคซีนนี้มักจะให้ทั้งหมด 3 ครั้งในช่วงเวลา 6 เดือน
ผลข้างเคียงของวัคซีนตับอักเสบ A
วัคซีนตับอักเสบ A อาจทำให้เกิดอาการได้หลายอย่างนาน 1-2 วัน ซึ่งประกอบด้วย
- ปวดกล้ามเนื้อที่บริเวณที่ฉีดยา
- ปวดหัว
- เบื่ออาหาร
- อ่อนเพลีย
หรืออาจมีอาการแพ้วัคซีนรุนแรงหลังจากการฉีดไม่กี่ชั่วโมงได้ แต่พบได้น้อย