กองบรรณาธิการ HonestDocs
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HonestDocs

ภูมิแพ้ขึ้นตา (Allergic Conjunctivitis)

เผยแพร่ครั้งแรก 9 ส.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 2021 เวลาอ่านประมาณ 7 นาที

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ภูมิแพ้ขึ้นตา คือ อาการของโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้บางอย่างจนทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่ดวงตา เช่น ตาแดง น้ำตาไหล คันระคายเคืองตา
  • ภูมิแพ้ขึ้นตามีปัจจัยทำให้เกิดหลายอย่าง แต่มักมาจากสิ่งที่อยู่ใกล้ดวงตา หรือง่ายต่อการปลิวเข้าตา เช่น คอนแทคเลนส์ เครื่องสำอาง ฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไป ตัวไรฝุ่น เชื้อรา สิ่งสกปรกในอากาศ เกสรดอกไม้ ขนสัตว์
  • วิธีดูแลตนเองเพื่อไม่ให้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นตาหลักๆ คือ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้สารก่อภูมิแพ้ทุกที่ ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร รวมถึงสัตว์เลี้ยง พยายามปิดหน้าต่าง ใส่แว่นตาขณะขณะอยู่ด้านนอก อย่าขยี้ตาหากเกิดอาการแพ้ ควบคุมความชื้นภายในบ้านให้ต่ำ
  • การรักษาอาการภูมิแพ้ขึ้นตาหลักๆ คือ การใช้ยาหยอดตาประเภทต่างๆ การรับประทานยาแก้แพ้ การฉีดวัคซีนภูมิคุ้มกันบำบัด
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้

หากคุณมีอาการคันตา ตาแดง น้ำตาไหล หรือรู้สึกแสบตาบ่อย ๆ นั่นอาจเป็นอาการของภูมิแพ้ขึ้นตา หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “เยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic conjunctivitis)”

ภูมิแพ้ขึ้นตาเป็นหนึ่งในโรคภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย ทั้งยังน่ารำคาญ และทรมานไม่น้อย มาดูกันว่า ภูมิแพ้ขึ้นตาเกิดจากอะไร และเราจะดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการของโรคนี้ได้อย่างไรบ้าง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

รู้จักกับภูมิแพ้ขึ้นตา

ภูมิแพ้ขึ้นตาเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมีความไว และตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นบางอย่างในสิ่งแวดล้อมมากกว่าปกติ ทั้งที่ปกติแล้วสิ่งกระตุ้นนั้นไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาใดกับร่างกาย

ปฏิกิริยาภูมิแพ้จะเกิดขึ้นเมื่อสารก่อภูมิแพ้ (Allergen) สัมผัสกับแอนติบอดี้ที่เกาะอยู่บนแมสต์เซลล์ (mast cells) ที่ดวงตา หลังจากนั้นแมสต์เซลล์จะหลั่งสารชื่อว่า ฮีสตามีน (Histamine) และสารอื่นๆ

สารเหล่านี้จะทำให้หลอดเลือดขนาดเล็กที่ตาขยายตัว และเกิดการรั่วขึ้น ส่งผลให้มีอาการตาแดง คันตา และน้ำตาไหลตามมา

อาการที่พบได้ทั่วไปของภูมิแพ้ขึ้นตา

อาการของภูมิแพ้ขึ้นตาอาจเกิดขึ้นเฉพาะที่ดวงตา เช่น คันตา ตาแดง แสบตา น้ำตาไหล หรือเกิดร่วมกับอาการภูมิแพ้ที่จมูกอย่างจาม คัดจมูก หรือคันจมูกด้วยก็ได้

ชนิดของภูมิแพ้ขึ้นตา

ภูมิแพ้ขึ้นตาแบ่งเป็น 5 ชนิด ดังนี้

1. ภูมิแพ้ขึ้นตาชนิด Seasonal และ Perennial allergic conjunctivitis

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

โรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ตามฤดูกาล (Seasonal allergic conjunctivitis) ผู้ป่วยจะมีอาการในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน หรือฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเกิดจากละอองเกสรดอกไม้ที่ปลิวอยู่ในอากาศ เนื่องจากแพ้ละอองเกสรดอกไม้ตามฤดูกาล

อาการของผู้ป่วยมีดังนี้

นอกจากนั้นผู้ป่วยที่มีโรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ตามฤดูกาลยังอาจมีผิวใต้ดวงตาดำคล้ำ และมีเปลือกตาบวม รวมถึงมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น น้ำมูกไหล จาม คัดจมูก

โรคนี้มีความสัมพันธ์กับโรคไข้ละอองฟางที่เกิดจากการแพ้ละอองฟาง หญ้า ดอกหญ้า หรือหญ้าแห้ง และโรคภูมิแพ้ตามฤดูกาลอื่นๆ

โดยอาการคันที่เกิดขึ้นจะสร้างความรำคาญทำให้ผู้ป่วยขยี้ตาบ่อยครั้ง ทำให้อาการยิ่งแย่ลง และอาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อที่ตาตามมา

ส่วนโรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้แบบมีอาการตลอดปี (Perennial allergic conjunctivitis) ผู้ป่วยจะมีอาการตลอดทั้งปี อาการคล้ายกับโรคภูมิแพ้แบบมีอาการตามฤดูกาล แต่มีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงน้อยกว่า

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

สาเหตุมักมาจากการแพ้ตัวไรฝุ่น เชื้อรา รังแคสัตว์เลี้ยง หรือสารก่อภูมิแพ้ภายในบ้านอื่นๆ มากกว่าการแพ้เกสรดอกไม้

2. ภูมิแพ้ขึ้นตาชนิด Vernal keratoconjunctivitis

เป็นโรคที่มีอาการรุนแรงมากกว่าโรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ตามฤดูกาล และโรคเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้แบบมีอาการตลอดปี โดยอาการของโรคนี้สามารถเป็นได้ตลอดทั้งปี แต่มักมีอาการแย่ลงตามฤดูกาล

คือ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน มักพบได้ในเด็กและวัยหนุ่มสาว จากสถิติผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิง และประมาณ 75% ของผู้ป่วยจะมีอาการของผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema) หรือหอบหืดร่วมด้วย

อาการของผู้ป่วยมีดังนี้

  • คันตา
  • มีน้ำตาไหล มีขี้ตาเหนียวข้น
  • รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ที่ตา
  • ตาสู้แสงไม่ได้

โรคนี้สามารถส่งผลต่อการมองเห็นได้ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา

3. ภูมิแพ้ขึ้นตาชนิด Atopic keratoconjunctivitis

พบบ่อยในผู้ที่มีอายุมาก และพบได้มากในผู้ชายที่มีประวัติผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ อาการของผู้ป่วยมีได้ตลอดทั้งปีและมีลักษณะคล้ายกับโรค Vernal keratoconjunctivitis

สังเกตอาการได้ดังนี้

  • คันตามาก
  • เจ็บตา
  • ตาแดง
  • มีขี้ตาเหนียวข้นจำนวนมาก โดยเฉพาะหลังตื่นนอน
  • อาจทำให้เปลือกตาเหนียวจนติดกันไปด้วย

หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดอาการรุนแรง เช่น แผลเป็นที่กระจกตาจนส่งผลต่อการมองเห็นของผู้ป่วยได้

4. ภูมิแพ้ขึ้นตาชนิด Contact allergic conjunctivitis

เป็นโรคเยื่อบุตาอักเสบจากการแพ้สัมผัส โรคนี้เกิดจากการที่เยื่อบุตาสัมผัสกับยาหรือเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ เกิดการระคายเคืองจากการสวมคอนแทคเลนส์ หรืออาจเกิดจากโปรตีนในน้ำตาที่เกาะอยู่บนพื้นผิวของเลนส์ก็ได้

อาการที่สังเกตได้มีดังนี้

  • ตาแดง
  • คันตา
  • มีขี้ตา
  • รู้สึกไม่สบายดวงตาเวลาสวมคอนแทคเลนส์

5. ภูมิแพ้ขึ้นตาชนิด Giant papillary conjunctivitis

มักพบในผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ โรคนี้คือโรค Contact allergic conjunctivitis ที่มีอาการรุนแรง โดยจะทำให้เกิดถุงน้ำหรือตุ่มขึ้นที่เยื่อบุใต้เปลือกตาบน

อาการของโรคมีดังนี้

  • คันตา
  • ตาบวม
  • น้ำตาไหล
  • มีขี้ตา
  • ตามัว มองภาพไม่ชัด
  • ไม่สามารถใส่คอนแทคเลนส์ต่อไปได้
  • รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในตา

การวินิจฉัยภูมิแพ้ขึ้นตา

เนื่องจากภูมิแพ้ขึ้นตามีอาการคล้ายกับโรคที่ดวงตาชนิดอื่นๆ ด้วย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องวินิจฉัยโรคให้แม่นยำ เพื่อที่จะรักษาได้อย่างถูกต้อง

ภูมิแพ้ขึ้นตามีตั้งแต่อาการไม่รุนแรง คือมีเพียงตาแดง ไปจนถึงอาการอักเสบรุนแรงที่ส่งผลต่อการมองเห็น หากมีอาการเป็นเวลานาน และใช้ยาที่มีขายตามร้านยาแล้วไม่ดีขึ้น

ควรไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ โดยแพทย์จะทำการซักประวัติทางการแพทย์ และสอบถามอาการ รวมถึงอาจส่งตรวจเพิ่มเติมเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ เช่น

  • การตรวจด้วยกล้องขยาย: ช่วยให้มองเห็นว่าเส้นเลือดที่ผิวของดวงตาบวม
  • การตรวจหาเม็ดเลือดขาว: เกิดขึ้นบริเวณที่ดวงตามีอาการภูมิแพ้ โดยแพทย์จะขูดเบาๆ ที่เยื่อบุตา และนำไปตรวจดูว่า มีเซลล์เม็ดเลือดขาวในนั้น หรือไม่

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นภูมิแพ้ขึ้นตา

หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ที่กระตุ้นให้เกิดอาการของคุณ ส่วนวิธีอื่นๆ มีดังนี้

การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ภายนอกอาคาร

  • แนะนำให้อยู่ภายในอาคารให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในช่วงที่มีเกสรดอกไม้ปริมาณมาก โดยทั่วไปมักเป็นช่วงสายและช่วงเย็น และเมื่อมีลมพัดเกสรดอกไม้ในบริเวณนั้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้พัดลมที่หน้าต่างเพราะสามารถดูดเอาเกสรดอกไม้ และเชื้อราเข้ามาในบ้านได้
  • สวมแว่น หรือแว่นกันแดดเมื่อต้องออกนอกอาคาร เพื่อลดการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ที่ตา
  • พยายามไม่ขยี้ตา เพราะจะทำให้ระคายเคืองและทำให้อาการแย่ลงได้

การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ภายในอาคาร

  • พยายามปิดหน้าต่าง ใช้เครื่องปรับอากาศในรถยนต์ หรือในบ้านแทน และควรทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศเป็นประจำ
  • ลดการสัมผัสกับตัวไรฝุ่น โดยใช้เครื่องนอนชนิดกันไรฝุ่น และทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิอย่างน้อย 54.4 องศาเซลเซียสเป็นประจำ
  • จำกัดการสัมผัสกับเชื้อรา โดยการควบคุมความชื้นภายในบ้านให้อยู่ในระดับต่ำ และหากพบเห็นเชื้อราขึ้น ให้ทำความสะอาดด้วยสารทำความสะอาด และน้ำยาซักฟอกขาว 5%
  • ทำความสะอาดพื้นด้วยผ้าเปียกบิดหมาดแทนการกวาดแห้ง หรือปัดฝุ่น เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น

การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้สัตว์เลี้ยง

  • ล้างมือทันทีหลังจากสัมผัส หรือเล่นกับสัตว์เลี้ยง และซักเสื้อผ้าหลังจากไปพบเพื่อนที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยง
  • หากแพ้สัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ให้นำสัตว์เลี้ยงออกนอกบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ถ้าสัตว์เลี้ยงต้องอยู่ในบ้านจริงๆ ก็ให้อยู่นอกห้องนอน
  • หากในบ้านมีเครื่องปรับอากาศกลางในลักษณะของท่อ ให้ทำเป็นท่อปิดต่อตรงมาที่ห้องนอนของคุณโดยตรง และเปลี่ยนพรมปูพื้นเป็นพื้นไม้ กระเบื้อง หรือเสื่อน้ำมันแทน

ทั้งนี้ สารก่อภูมิแพ้หลายชนิดที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ขึ้นตาเป็นสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ซึ่งยากจะหลีกเลี่ยงได้ตลอดเวลา ทางที่ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้เกี่ยวกับวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตนเองด้วย

การรักษาภูมิแพ้ขึ้นตา

การรักษาภูมิแพ้ขึ้นตาในผู้ใหญ่

อาการภูมิแพ้ขึ้นตาอาจบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาหยอดตา และการรับประทานยาที่มีขายตามร้านยา ซึ่งเป็นยาที่ใช้ทั่วไปในระยะสั้นสำหรับบรรเทาอาการภูมิแพ้ขึ้นตา แต่ไม่สามารถบรรเทาได้ทุกอาการ

สิ่งที่ควรระวังคือ การใช้ยาที่ซื้อเองบางชนิดเป็นเวลานานอาจทำให้อาการกลับยิ่งแย่ลงได้

หากไปพบแพทย์ ผู้ป่วยอาจได้รับยาหยอดตา และยารับประทานที่ใช้ในการรักษาภูมิแพ้ขึ้นตาเช่นเดียวกัน โดยมีทั้งยาที่ใช้ในระยะสั้น และระยะยาว

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้จะเป็นผู้พิจารณาว่า การรักษาแบบใดเหมาะสมที่สุด

การรักษาภูมิแพ้ขึ้นตาในเด็ก

ส่วนภูมิแพ้ขึ้นตาในเด็กนั้นสามารถรักษาได้โดยใช้ทั้งยาหยอดยา หรือยารับประทานที่ซื้อได้เองที่ร้านยา และยาที่แพทย์สั่ง โดยน้ำตาเทียมมีความปลอดภัย และสามารถใช้ได้กับทุกช่วงอายุ

แต่ยาหยอดตาบางชนิด เช่น ยาหยอดตาแก้แพ้ หรือยาหยอดตาที่ยับยั้งการทำงานของแมสต์เซลล์ (Mast cell stabilizers) สามารถใช้ในเด็กอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเท่านั้น

สำหรับการรักษาอื่นๆ ให้ปรึกษากุมารแพทย์ (แพทย์เฉพาะทางโรคเด็ก)

ยาหยอดยาและยารับประทานที่มีขายตามร้านยา

1. น้ำตาเทียม

  • มีคุณสมบัติช่วยล้างเอาสารก่อภูมิแพ้ออกจากดวงตาได้ชั่วคราว และให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตาที่แห้งจากอาการตาแดง และระคายเคืองตา
  • สามารถนำไปแช่เย็นได้เพื่อให้รู้สึกสบายตามากขึ้นเวลาหยอดตา
  • เป็นยาที่มีความปลอดภัย สามารถหยดได้วันละหลายครั้งตามต้องการ

2. ยาหยอดตาที่มีฤทธิ์หดหลอดเลือด (Decongestants)

  • ช่วยลดอาการตาแดงที่สัมพันธ์กับภูมิแพ้ โดยการหดหลอดเลือดขนาดเล็กภายในดวงตา และช่วยบรรเทาอาการคันตา
  • ตัวยาอาจเป็นยาหยอดตาที่มีฤทธิ์หดหลอดเลือดตัวเดี่ยวๆ หรือผสมอยู่กับยาแก้แพ้ก็ได้
  • การออกฤทธิ์ไม่แรงมาก จึงต้องใช้วันละประมาณ 4-6 ครั้งต่อวัน
  • ไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นโรคต้อหิน
  • ไม่ควรใช้นานเกินว่า 2-3 วัน เพราะการใช้ยานี้เป็นเวลานานเกินไปจะทำให้กลับมาเป็นซ้ำ และมีอาการหนักกว่าเดิม (Rebound effect) เช่น บวมแดงมากกว่าเดิม หรืออาจยังมีอาการอยู่แม้ว่าจะหยุดใช้ยาหยอดตาไปแล้ว

3. ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน (Oral antihistamines)

  • มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการคันที่ตาได้น้อย
  • ยาอาจทำให้ตาแห้ง หรือทำให้อาการภูมิแพ้ขึ้นตาแย่ลงได้
  • ยาแก้แพ้ที่เป็นยาสามัญประจำบ้านจะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ ง่วงนอน

ยาหยอดตาและยารับประทานที่แพทย์สั่ง

1. ยาหยอดตาแก้แพ้ (Antihistamine eyedrops)

  • ช่วยลดอาการคันตา ตาแดง และบวม
  • แม้ว่าจะบรรเทาอาการได้รวดเร็ว แต่ฤทธิ์ของยาจะคงอยู่เพียงไม่กี่ชั่วโมง จึงอาจต้องหยอดวันละ 4 ครั้ง

2. ยาหยอดตาที่ยับยั้งการทำงานของแมสต์เซลล์ (mast cell stabilizer)

  • ช่วยป้องกันการหลั่งสารฮีสตามีน และสารอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ใช้หยอดตาก่อนสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เพื่อป้องกันอาการคัน

3. ยาหยอดตาแก้แพ้ผสมกับยายับยั้งการทำงานของแมสต์เซลล์

  • เป็นยาหยอดตาชนิดใหม่ที่ผสมระหว่างยาแก้แพ้ และยายับยั้งการทำงานของแมสต์เซลล์
  • มีฤทธิ์รักษา และป้องกันอาการภูมิแพ้ขึ้นตา
  • ใช้วันละ 2 ครั้ง
  • ออกฤทธิ์เร็ว และมีฤทธิ์บรรเทาอาการคันตา ตาแดง น้ำตาไหล แสบตาได้นาน

4. ยาหยอดตาชนิดยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID eyedrops)

  • ใช้บรรเทาอาการคัน
  • อาจทำให้รู้สึกแสบตาขณะหยอดตาได้
  • อาจจำเป็นต้องหยอดวันละ 4 ครั้ง

5. ยาหยอดตาที่เป็นสเตียรอยด์ (Corticosteroid eyedrops)

  • ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการภูมิแพ้ขึ้นตาเรื้อรัง และรุนแรง ได้แก่ คันตา ตาแดง และบวม
  • การใช้ยานี้เป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ ต้องอยู่ภายใต้การแนะนำ และการดูแลจากจักษุแพทย์เท่านั้น
  • หากใช้เป็นเวลานานจะทำให้เกิดผลข้างเคียง คือ เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ตา การเกิดต้อหิน และต้อกระจก

6. ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง (Nonsedating oral antihistamines)

  • เป็นยาที่มีประสิทธิภาพไม่มากในการบรรเทาอาการคันที่ตา
  • ไม่ทำให้ง่วงนอนเหมือนยาแก้แพ้สามัญประจำบ้าน

7. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)

  • เป็นการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกาย โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆ เพื่อให้ร่างกายทนต่อสารก่อภูมิแพ้นั้นๆ ได้
  • การรักษาด้วยวิธีนี้ต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะได้ผลการรักษาสูงสุด และอาจยังจำเป็นต้องใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการไปด้วย

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจภูมิแพ้ และภาวะแพ้ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


11 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Eye Allergies - Causes, Symptoms & Treatment. American College of Allergy, Asthma & Immunology. (Available via: https://acaai.org/allergies/types/eye-allergy)
Carr W, Schaeffer J, Donnenfeld E. Treating allergic conjunctivitis: A once-daily medication that provides 24-hour symptom relief. Allergy & rhinology (Providence, R.I.) 2016;7(2):107-14. National Center for Biotechnology Information. (Available via: https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5010431/)
What Are Eye Allergies?. American Academy of Ophthalmology. (Available via: https://www.aao.org/eye-health/diseases/allergies)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
เปนภูมิแพ้ทั้งแม่ละลูกควรทำยังไงดีค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ภูมิแพ้เกิดจากอะไรค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
โรคภูมิแพ้มีสิทธ์หายได้หรือไม่
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
น้ำมูกไหลตลอดต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ทำอย่างไรให้ภูมิแพ้หายขาด
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)