ของหวาน

เผยแพร่ครั้งแรก 25 ก.พ. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 2023 เวลาอ่านประมาณ 5 นาที
ของหวาน

ของหวาน

ของหวานที่จะแนะนำ แม้จะไม่มีเนย แต่จะใช้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพเป็นส่วนผสมแทน นอกจากนี้ยังใช้แป้งโฮลวีตแทนแป้งขัดขาวเพิ่มสารอาหารเช่นเบต้าแคโรทีนจากแครอตในสูตร มัฟฟินแครอต ช่วยลดอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกายและสมอง รวมทั้งเพิ่มใยอาหารให้กับขนมแต่รับรองรสชาติถึงใจเหมือนเดิม แถมสุขภาพดีขึ้นแน่นอน

มัฟฟินแครอตวีตเจิร์ม

ส่วนผสม (สำหรับ 12 ชิ้น)

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์                                               ¾ ถ้วยตวง
  • แป้งโฮลวีต                                                               ½ ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทรายแดง                                                        ⅔ ถ้วยตวง
  • วีตเจิร์ม                                                                      ½ ช้อนโต๊ะ
  • ผงซินนามอน                                                             2 ช้อนชา
  • ผงฟู                                                                           1 ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา                                                               ¼ ช้อนชา
  • เกลือ                                                                          ¼  ช้อนชา
  • ไข่ไก่                                                                         2 ฟอง
  • น้ำมันคาโนลา                                                            ⅓  ถ้วยตวง
  • วานิลลา                                                                     1 ช้อนโต๊ะ
  • แครอตขูดฝอย                                                          2 ถ้วยตวง
  • สับปะรดกระป๋อง (เอาน้ำออก)
  • หั่นเป็นชิ้นเล็ก                                                            ½ ถ้วยตวง

วิธีทำ

  • อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ วางเรียงถ้วยมัฟฟินกระดาษลงในถาดมัฟฟิน
  • ผสมแป้งทั้งสองชนิด น้ำตาลทรายแดง วีตเจิร์ม ผงซินนามอน ผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือให้เข้ากันในชามผสม พักไว้
  • ตีไข่ให้เข้ากันในชามอีกใบ ตามด้วยน้ำมันและวานิลลา ตีจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  • ใช้พายยางตะล่อมส่วนผสมไข่ให้เข้ากับส่วนผสมแป้ง ใส่แครอตและสับปะรด คนพอเข้ากัน
  • ตักส่วนผสมใส่ถ้วยมัฟฟินที่เตรียมไว้ให้เท่ากัน นำเข้าเตาอบประมาณ 30 นาทีหรือจนกว่าจะสุก ยกออกจากเตา ทิ้งไว้ให้เย็นบนตะแกรง

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 ชิ้น

พลังงาน

241แคลอรี

โปรตีน

30.6 กรัม

คาร์โบไฮเดรต

2.8 กรัม

ใยอาหาร

1.1 กรัม

ไขมัน

11.8 กรัม

ไขมันอิ่มตัว

2.9 กรัม

กรดโอเมก้า-3

0.1 กรัม

กรดโอเมก้า-6

1 กรัม

คอเลสเตอรอล

105 มิลลิกรัม

โซเดียม

200 มิลลิกรัม


คุกกี้ข้าวโอ๊ตเนยถั่ว

ส่วนผสม (สำหรับ 14 ชิ้น)

  • เนยถั่ว                                                                     ½ ถ้วยตวง
  • น้ำเชื่อมจากข้าว (หรือน้ำเชื่อมเมเปิ้ล หรือน้ำผึ้ง)              ¼ ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่                                                                              1 ฟอง
  • วานิลลา                                                                          ½ช้อนชา
  • แป้งโฮลวีต                                                                      ¼ถ้วยตวง
  • ข้าวโอ๊ต                                                                           ¼ ถ้วยตวง
  • เบกกิ้งโซดา                                                                     ½ช้อนชา
  • ผงซินนามอน                                                                    ¼ช้อนชา
  • เกลือ                                                                                ¼ ช้อนชา
  • ช็อกโกแลตชิป                                                                 ¼ ถ้วยตวง

วิธีทำ

  • อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์
  • ผสมเนยถั่วและน้ำเชื่อมให้เข้ากัน ตามด้วยไข่และวานิลลาผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  • ผสมแป้ง ข้าวโอ๊ต เบกกิ้งโซดา ผงซินนามอน และเกลือในชามอีกใบให้เข้ากัน
  • เทส่วนผสมแป้งลงในส่วนผสมเนยถั่ว คนให้เข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตชิปลงไป
  • ตักส่วนผสมที่ได้วางบนถาดอบ นำเข้าเตาอบประมาณ 8-10 นาที ยกออกจากเตา พับบนตะแกรงจนเย็น

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 ชิ้น

พลังงาน

83แคลอรี

โปรตีน

3.2 กรัม

คาร์โบไฮเดรต

7.9 กรัม

ใยอาหาร

1 กรัม

ไขมัน

5.1 กรัม

ไขมันอิ่มตัว

1.1 กรัม

กรดโอเมก้า-3

0 กรัม

กรดโอเมก้า-6

1.4 กรัม

คอเลสเตอรอล

13 มิลลิกรัม

โซเดียม

136 มิลลิกรัม


เค้กน้ำมันมะกอกกับส้ม

ส่วนผสม (สำหรับ 10 ชิ้น)

  •  ไข่ไก่                                                                             5 ฟอง
  • น้ำมันมะกอก                                                                  ⅓   ถ้วยตวง
  • น้ำตาล                                                                           1½ถ้วยตวง
  • เกลือ                                                                               ½ช้อนชา
  • ผงซินนามอน                                                                  2 ช้อนชา
  • วานิลลา                                                                          1 ช้อนชา
  • ส้ม (ทั้งน้ำและขูดเปลือก)                                                 1 ลูก
  • เลมอน (ทั้งน้ำและขูดเปลือก)                                           1 ลูก
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์                                                      2 ถ้วยตวง
  • ผงฟู                                                                                 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลไอซิ่งเล็กน้อย (ใช้โรยหน้า)

วิธีทำ

  • อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 325 องศาฟาเรนไฮต์ ทาน้ำมันบนพิมพ์ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8 นิ้วบางๆ แล้วโรยแป้งสาลีทับ เคาะแป้งส่วนเกินออก เตรียมไว้
  • แยกไข่ขาวกับไข่แดง ตีไข่ขาวจนขึ้นฟู
  • ตีน้ำมันมะกอกกับน้ำตาลในชามอีกใบจนขึ้นเป็นครีม ใส่ไข่แดงลงไป ตีให้เข้ากัน เติมเกลือ ผงซินนามอน วานิลลา ส้มและเลมอนทั้งเปลือกและน้ำ ผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
  • เติมแป้งและผงฟูลงในส่วนผสมข้อ 3 ตีให้เข้ากัน
  • ค่อยๆตะล่อมไข่ขาวให้เข้ากับส่วนผสมในข้อ 4 เทใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบนาน 45 นาที ยกออกจากเตา พักไว้บนตะแกรง 10-15 นาที นำเค้กออกจากพิมพ์ โรยหน้าบางๆด้วยน้ำตาลไอซิ่ง

รู้หรือไม่

*ในสูตรนี้ใช้ส้มซันคิสต์ดีกว่า เพราะมีรสชาติและกลิ่นที่หอมหวานกลมกล่อมกว่าส้มเขียวหวานหรือส้มอื่นๆ

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 ชิ้น

พลังงาน

249 แคลอรี

โปรตีน

5.7 กรัม

คาร์โบไฮเดรต

38.5 กรัม

ใยอาหาร

2.2 กรัม

ไขมัน

9.7 กรัม

ไขมันอิ่มตัว

1.7 กรัม

กรดโอเมก้า-3

0.1 กรัม

กรดโอเมก้า-6

1.1 กรัม

คอเลสเตอรอล

93 มิลลิกรัม

โซเดียม

149 มิลลิกรัม

 

เค้กกล้วยหอมกับถั่ว

ส่วนผสม (สำหรับ 12 ชิ้น)

  • น้ำแอ๊ปเปิ้ล                                                                      1 ถ้วยตวง
  • แยมเอพริคอต                                                                 ½ถ้วยตวง
  • เอพริคอตอบแห้งหั่นเป็นชิ้นเล็ก                                       ⅔ ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่                                                                               2 ฟอง
  • น้ำมันคาโนลา                                                                  ⅓ ถ้วยตวง
  • กล้วยหอมสุกงอมบดละเอียด                                            1 ลูก
  • น้ำผึ้ง                                                                               2 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งโฮลวีต                                                                      2 ถ้วยตวง
  • ผงฟู                                                                                 1 ช้อนชา
  • ผงซินนามอน                                                                   1 ช้อนชา
  • เกลือ                                                                                ¼ ช้อนชา
  • วอลนัทสับ (หรือถั่วชนิดอื่นตามชอบ)                                ¼ถ้วยตวง

วิธีทำ

  • เทน้ำแอ๊ปเปิ้ลใส่หม้อใบเล็ก ต้มจนเดือด ยกขึ้นจากเตา เติมแยม เอพริคอตแห้ง คนให้เข้ากัน ทิ้งไว้ 20 นาที
  • อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์
  • ตีไข่ น้ำมัน กล้วย และน้ำผึ้งให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ใส่ส่วนผสมแอ๊ปเปิ้ล ตีจนเข้ากัน
  • ผสมแป้งโฮลวีต ผงฟู ผงซินนามอน และเกลือให้เข้ากัน ค่อยๆเทส่วนผสมแป้งลงไปในชามไข่ คนให้เข้ากัน เติมวอลนัทหรือถั่วที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน
  • เทส่วนผสมใส่พิมพ์ขนาด 9 x 5 นิ้วที่รองด้วยกระดาษไขไว้ นำเข้าเตาอบประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจนกว่าจะสุก ยกออกจากเตา พักไว้บนตะแกรง 5 นาที ค่อยๆแกะออกจากพิมพ์และพักไว้จนเย็น

คุณค่าทางโภชนาการต่อ 1 ชิ้น

พลังงาน

227แคลอรี

โปรตีน

5.6 กรัม

คาร์โบไฮเดรต

39 กรัม

ใยอาหาร

4.8 กรัม

ไขมัน

9.4 กรัม

ไขมันอิ่มตัว

1 กรัม

กรดโอเมก้า-3

0.8 กรัม

กรดโอเมก้า-6

2.4 กรัม

คอเลสเตอรอล

35 มิลลิกรัม

โซเดียม

74 มิลลิกรัม


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
19 Desserts You Won’t Believe Are Actually Healthy. Healthline. (https://www.healthline.com/health/food-nutrition/healthy-desserts)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป