กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

ประโยชน์ของเมล็ดเจีย ไอเดียการกินการใช้เมล็ดเจียเพื่อสุขภาพ ข้อควรระวัง

เผยแพร่ครั้งแรก 8 ก.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 6 นาที
ประโยชน์ของเมล็ดเจีย ไอเดียการกินการใช้เมล็ดเจียเพื่อสุขภาพ ข้อควรระวัง

ประโยชน์ของเมล็ดเจีย ไอเดียการกินการใช้เมล็ดเจียเพื่อสุขภาพ ข้อควรระวัง

เมื่อพูดถึงเมล็ดเจีย หลายคนอาจจะเข้าใจกันผิดคิดว่าเป็นเม็ดแมงลัก เนื่องจากมีลักษณะที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม เราสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนได้คือ ก่อนนำเมล็ดธัญพืชเหล่านี้ไปแช่น้ำ จะเห็นว่าเมล็ดเจียมีลักษณะรี สีน้ำตาลเทา จะมีลวดลายบนผิวเล็กน้อย ในขณะที่เม็ดแมงลักจะมีลักษณะรี ผิวสีดำเข้ม เมื่อแช่น้ำแล้ว เมล็ดเจียจะพองตัวแบบเมล็ดใสๆ แต่แมงลักเมื่อพองตัวแล้วจะมีลักษณะเมือกขาวขุ่น และนี่ก็คือความแตกต่างที่สามารถสังเกตกันได้อย่างไม่ยาก

ทำความรู้จักเมล็ดเจีย

เมล็ดเจีย (Chia Seed) เป็นพืชตระกูลเดียวกับกะเพราหรือมินท์ มีลักษณะเป็นเมล็ดเล็ก ๆ มีทั้งสีดำและสีขาว ซึ่งเปลือกนอกของเมล็ดสามารถพองตัวได้เหมือนกับเม็ดแมงลัก เป็นพืชที่เติบโตได้ดีในภูมิอากาศที่หนาวเย็น นิยมปลูกในทวีปอเมริกา เช่น ประเทศโบลิเวีย เอกวาดอร์ เม็กซิโก อเมริกา และออสเตรเลีย ในประเทศไทย ได้มีการนำเมล็ดเจียมาปลูกในหลายจังหวัด โดยส่วนใหญ่ปลูกที่ลำปาง และกาญจนบุรี เป็นต้น

คุณค่าทางโภชนาการ

เมล็ดเจีย 28 กรัม ให้พลังงาน 137 กิโลแคลอรี่ โดยประกอบไปด้วยโปรตีน 40.32 กรัม ไฟเบอร์ 34.4 กรัม แคลเซียม 150 กรัม ไขมัน 11.89 กรัม คาร์โบไฮเดรต 35.14 กรัม ธาตุเหล็ก 14.30 กรัม แมกนีเซียม 362 กรัม โซเดียม 41 กรัม ซิงก์ 10.70 กรัม โฟเลต 29 ไมโครกรัม โพแทสเซียม 425 กรัม วิตามินเอ 3 ไมโครกรัม วิตามินบี 1 2.5 กรัม วิตามินบี 2 0.270 มิลลิกรัม กรดไขมันอิ่มตัว 1.634 กรัม กรดไขมันไม่อิ่มตัว 4.405 กรัม ฟอสฟอรัส 810 กรัม น้ำ 6.61 กรัม

ประโยชน์ของเมล็ดเจีย

เมล็ดเจียมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เพราะเต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีหลายชนิด ไปดูกันว่าประโยชน์และสรรพคุณของเมล็ดเจียมีอะไรบ้าง

1.บำรุงหัวใจ

ในเมล็ดเจียเต็มไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 ที่จะช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดเป็นปกติ ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปสู่หัวใจได้สะดวกขึ้น และบำรุงหัวใจให้แข็งแรงขึ้น

2.ลดการอักเสบในร่างกาย

กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีอยู่มากในเมล็ดเจีย มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ป้องกันบาดแผลจากการติดเชื้อ เพราะโอเมก้า 3 เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเปลี่ยนมาเป็นสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) จึงมีฤทธิ์บรรเทาอาการปวด สมานแผลให้หายเร็ว และลดการเกิดแผลเรื้อรังลงได้

3.บำรุงกระดูก

ในเมล็ดเจียมีแร่ธาตุที่สำคัญต่อการเสริมสร้างกระดูก เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส โปรตีน และแมกนีเซียม จึงทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนและกระดูกบางลงได้

4.ลดน้ำหนัก

เมล็ดเจียเต็มไปด้วยไฟเบอร์และโปรตีน แถมยังมีโอเมก้า 3 จึงส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถนำไขมันส่วนเกินออกมาใช้ได้มากขึ้น และด้วยคุณสมบัติของเมล็ดเจียที่สามารถพองตัวได้มาก แถมยังมีเส้นใยที่เปรียบดั่งไฟเบอร์ ทานแล้วจึงทำให้อิ่มท้องง่าย อิ่มนาน จึงช่วยลดความหิวจุบจิบลงได้ เป็นอีกหนึ่งอาหารลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างมากทีเดียว  

5.ซ่อมแซมเนื้อเยื้อในร่างกาย

โปรตีนที่มีอยู่มากในเมล็ดเจีย มีส่วนสำคัญในการซ่อมแซมเนื้อเยื้อส่วนที่สึกหรอ ในขณะที่ธาตุฟอสฟอรัสจะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื้อในร่างกายให้แข็งแรง ทำให้เกิดการดูดซึมดีขึ้นและส่งเสริมกระบวนการซ่อมแซมร่างกายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

6.บำรุงสมอง

การทานเมล็ดเจียมีคุณสมบัติช่วยบำรุงสมอง ทำให้ความจำดีขึ้น เนื่องจากเมล็ดเจียมีโอเมก้า 3 มากกว่าปลาแซลมอนถึง 9 เท่า ทำให้สมองและระบบประสาททำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดการเรียนรู้และจดจำดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยสร้างเสริมสมาธิได้มากขึ้นด้วย

7.ต้านโรคเบาหวาน

เนื่องจากเมล็ดเจียมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ แต่กลับเปี่ยมไปด้วยไฟเบอร์สูงที่มีคุณสมบัติช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติได้ จึงสามารถช่วยต้านการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ด้วยนั่นเอง

8.ปรับระบบย่อยอาหารให้ทำงานดีขึ้น

ในเมล็ดเจียอุดมไปด้วยไฟเบอร์มากถึง 34.4 กรัมโดยประมาณ ซึ่งปริมาณดังกล่าวถือว่าเพียงพอที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน โดยไฟเบอร์นั้นจะช่วยปรับสมดุลการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติมากขึ้น

9.ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น

เมล็ดเจียมีกรดอะมิโนทริปโตเฟนซึ่งเป็นกรดชนิดเดียวกันกับที่พบในนม โดยมีส่วนช่วยควบคุมความอยากอาหาร ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับสบาย และช่วยสร้างเสริมอารมณ์ให้แจ่มใสได้ด้วย

10.ลดสารพิษตกค้าง

ไฟเบอร์ที่พบในเมล็ดเจีย เป็นไฟเบอร์ชนิดไซเลียมหรือเส้นใยที่มีบทบาทช่วยล้างสารพิษ จึงมีคุณสมบัติช่วยในการดูดซึมสารพิษตกค้างออกจากลำไส้ จึงช่วยทั้งล้างพิษและแก้ปัญหาท้องผูกในตัว

11.ให้พลังงานร่างกาย

เมล็ดเจียมีโปรตีนอยู่ร้อยละ 20 ซึ่งถือว่ามากกว่าโปรตีนที่มีอยู่ในธัญพืชทั่วไป ดังนั้น จึงช่วยให้ร่างกายมีพลังงานในยามต้องทำกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา หรือคนที่ต้องทำงานโดยใช้แรงเคลื่อนไหวมาก

12.ชะลอวัย

การทานเมล็ดเจียเป็นประจำจะทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย เพราะในเมล็ดเจียมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารที่ดีต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น โปรตีน ไฟเบอร์ วิตามินเอ วิตามินบีรวม ซิงก์ ธาตุเหล็ก และกรดไขมันโอเมก้า 3 จึงทำให้เซลล์ในร่างกายแข็งแรง ส่งผลในด้านความงามทั้งเส้นผมที่มีน้ำหนักนุ่มสลวย บำรุงเล็บให้แข็งแรง ไม่เปราะหักง่าย บำรุงสุขภาพผิวให้เนียนนุ่มและยังช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวอีกด้วย

วิธีแช่เมล็ดเจียให้พองตัวก่อนกิน

วิธีการกินเมล็ดเจียที่ดีที่สุด ก็คือการนำมาแช่ให้พองตัวก่อนกินนั่นเอง โดยจะทำให้ได้รับประโยชน์จากเมล็ดเจียอย่างเต็มที่ และไม่ทำให้เกิดอาการอึดอัด แน่นท้องอีกด้วย ซึ่งการแช่เมล็ดเจียต้องทำอย่างไร ปริมาณเท่าไหร่ และแช่กับอะไรได้บ้าง ก็ต้องไปดูกันเลย

1.การแช่เมล็ดเจียกินเพื่อสุขภาพ

การกินเมล็ดเจียเพื่อสุขภาพ จะกินวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะ โดยจะกินตอนไหนเมื่อไหร่ก็ได้ หรืออาจกินเรื่อยๆ ตลอดวัน โดยให้นำเมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเปล่า 1 แก้ว แช่ไว้ประมาณ 10-15 นาทีก็นำมาดื่มได้เลย ทั้งนี้หากต้องการให้เมล็ดเจียพองตัวเร็วขึ้น แนะนำให้แช่ในน้ำอุ่น และใช้ช้อนคนเรื่อยๆ จะทำให้เมล็ดเจียพองตัวได้เร็วกว่าเดิม โดยนอกจากแช่ในน้ำเปล่าแล้ว เมล็ดเจียก็สามารถแช่ในเครื่องดื่มชนิดอื่นได้อีกด้วย เช่น น้ำผลไม้ นม ชา กาแฟ น้ำเต้าหู้ และน้ำหวาน เป็นต้น แต่อาจใช้เวลาในการแช่นานขึ้น ประมาณ 15-20 นาที

2.การแช่เมล็ดเจียกินเพื่อลดน้ำหนัก

สำหรับการแช่เมล็ดเจียเพื่อนำมากินลดน้ำหนัก ก็ขอแนะนำออกเป็น 3 มื้อต่อวันดังนี้

  • มื้อเช้า นำเมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำเปล่าประมาณ 300-400 cc แช่ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วดื่มครึ่งแก้วก่อนอาหารมื้อเช้า จากนั้นจึงดื่มอีกครึ่งแก้วที่เหลือหลังกินอาหารเสร็จแล้ว
  • มื้อกลางวัน นำเมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำเปล่าประมาณ 500-1000 cc แช่ทิ้งไว้ 15 นาที โดยให้ดื่มได้เรื่อยๆ ตลอดวัน ไม่ควรดื่มทีเดียวหมดแล้วเพราะจะทำให้แน่นท้องได้
  • มื้อเย็น นำเมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำเปล่า 300-400 cc แช่ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วใส่ผลไม้สดหั่นชิ้นลงไป แช่ทิ้งไว้อีก 30 นาที นำมากินแทนอาหารเย็นได้เลย

นอกจากนี้การกินเมล็ดเจียเพื่อลดน้ำหนัก ก็สามารถแช่ในเครื่องดื่มชนิดอื่น นอกเหนือจากน้ำเปล่าได้อีกด้วย เช่น นมจืด น้ำผลไม้คั้นเองไม่ใส่น้ำตาล หรือจะแช่ในโยเกิร์ตกินแทนอาหารเช้าก็ได้เหมือนกัน

ไอเดียการกินเมล็ดเจียเพื่อสุขภาพ

หลายคนทราบดีว่าการกินเมล็ดเจีย มีคุณสมบัติช่วยบำรุงสุขภาพและที่เด็ดไปกว่านั้นคือ ช่วยลดน้ำหนักได้ ดังนั้น หลายคนจึงสรรหาวิธีการนำเมล็ดเจียมามิกซ์ในเมนูอาหารรูปแบบต่างๆ ซึ่งเราก็มีเมนูจากเมล็ดเจียแสนอร่อยมาฝากด้วยเช่นกัน

1.ไอศครีมเมล็ดเจีย

วิธีทำ เริ่มจากนำเมล็ดเจียใส่แก้ว ใส่น้ำหวาน และน้ำเปล่า ปรุงรสชาติตามชอบ ผสมให้เข้ากัน นำไปแช่ในตู้เย็นจนเมล็ดเจียพองตัว นำน้ำหวานที่ผสมแล้วใส่ในพิมพ์ ปิดฝานำเข้าช่องฟรีซ เมื่อเริ่มแข็งตัว ก็นำออกมาจากพิมพ์ ทานยามว่างได้เลย

2.แยมสตรอว์เบอร์รี่เมล็ดเจีย

ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่สตรอว์เบอร์รี่แช่แข็งลงไป เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย เคี่ยวจนสตรอว์เบอร์รี่เริ่มนิ่ม คนไปเรื่อย ๆ เติมน้ำผึ้งลงไป ใส่หญ้าหวาน เพื่อเพิ่มรสชาติ ใส่เมล็ดเจียที่แช่น้ำค้างคืนเอาไว้ลงไปในแยม คนให้เข้ากัน ปิดไฟ ใส่มะนาวลงไปตามความชอบ นำมาทานคู่กับขนมปัง

3.นมเมล็ดเจีย

ใส่นมอัลมอนด์ลงไปในถ้วย นำไปอุ่น พักไว้ ตักเมล็ดเจียใส่แก้ว เทนมลงไป แช่ไว้ค้างคืน จากนั้นเติมนมงาดำลงไปอีกชั้น ใส่ผลไม้ที่ชอบตามลงไป เช่น กล้วย มะม่วงและแตงโม นำมาดื่มได้เลยหรือจะเก็บเอาไว้ในตู้เย็น นำออกมาดื่มยามว่างก็ได้

4.พุดดิ้งเมล็ดเจีย

เมนูพุดดิ้งแสนอร่อย ที่ได้ทั้งคุณประโยชน์อย่างครบถ้วน และช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี โดยเมนูนี้ให้นำน้ำผึ้ง และกลิ่นวนิลา ผสมลงในนมอัลมอนด์ 1 แก้ว จากนั้นใส่เมล็ดเจียลงไป คนให้เข้ากัน ตามด้วยสตรอว์เบอร์รี่สดผ่าครึ่ง นำส่วนผสมที่ได้ไปแช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 4 ชั่วโมง ก็จะได้พุดดิ้งแสนอร่อยดูน่าทานแล้ว

5.สลัดโรยหน้าเมล็ดเจีย

สลัด เมนูที่ช่วยในการลดน้ำหนัก เมื่อโรยหน้าด้วยเมล็ดเจียก็จะยิ่งเพิ่มคุณค่าและช่วยลดน้ำหนักได้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยเมนูนี้ให้นำผักสลัดมาผสมลงไปในถ้วย ราดด้วยน้ำสลัดแบบใส จากนั้นโรยหน้าด้วยเมล็ดเจีย ก็พร้อมทานได้ทันที

ข้อควรระวังในการกินเมล็ดเจีย

ถึงแม้ว่าเมล็ดเจีย จะเต็มไปด้วยประโยชน์มากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังในการกินเหมือนกัน เพราะการกินมากเกินไปหรือกินผิดวิธี ก็อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ โดยมีสิ่งที่ต้องระวังในการกินเมล็ดเจียดังนี้

1.ทำให้เลือดแข็งตัวช้า

เพราะเมล็ดเจียจะทำให้เลือดแข็งตัวช้ากว่าปกติ และหลอดเลือดบางลง ดังนั้นการกินเมล็ดเจียเมื่อต้องผ่าตัดหรือเข้ารับการทำศัลยกรรมจึงอาจทำให้เกิดปัญหาเลือดไหลไม่หยุดตามมาได้ ซึ่งก็เป็นอันตรายมากทีเดียว

2.อันตรายต่อทารก

เมล็ดเจีย อาจส่งผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อเด็กทารกได้ ดังนั้นคุณแม่ที่ให้นมบุตร จึงไม่ควรทานเมล็ดเจียอย่างเด็ดขาด เนื่องจากสารอาหารในเมล็ดเจียจะส่งผ่านไปสู่ลูกน้อยผ่านทางน้ำนมได้นั่นเอง

3.ส่งผลให้ความดันต่ำลง

การกินเมล็ดเจียอาจเป็นผลดีต่อผู้ที่มีปัญหาความดันโลหิตสูง แต่ในคนที่ความดันต่ำไม่ควรกินเมล็ดเจียอย่างเด็ดขาด เพราะจะไปลดความดันให้ต่ำลงกว่าเดิม ซึ่งไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นใครที่มีปัญหาความดันโลหิตต่ำ จึงควรหลีกเลี่ยงเมล็ดเจียอย่างเด็ดขาด

4.ทำให้ท้องอืด แน่นท้องได้

เมื่อกินเมล็ดเจียมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง และเกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร เพราะเมล็ดเจียจะขยายตัวขึ้นอีกประมาณ 25% เมื่ออยู่ในกระเพาะอาหาร จึงทำให้ย่อยไม่ทันและเกิดอาการท้องอืดได้นั่นเอง

เมล็ดเจีย เป็นธัญพืชที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และมีคุณสมบัติในการลดน้ำหนักได้อย่างดีเยี่ยม เพราะฉะนั้นห้ามพลาดการกินเมล็ดเจียเป็นอันขาด แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมกินอย่างระมัดระวัง และกินให้ถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อร่างกายด้วย


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Chia seeds: Health benefits and recipe tips. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/291334)
Chia Seeds 101: Nutrition, Health Benefits, How to Cook, and More. Everyday Health. (https://www.everydayhealth.com/diet-nutrition/diet/chia-seeds-nutrition-health-benefits-how-cook-more/)
Chia Seeds. Harvard T.H. Chan School of Public Health. (https://www.hsph.harvard.edu/nutritionsource/food-features/chia-seeds/)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป