เล่านิทานก่อนดีต่อลูกของคุณอย่างไร

การเล่านิทานก่อนนอน ช่วงเวลาแห่งจินตนาการก่อนนอนที่ให้ข้อดีกว่าที่คุณคิด
เผยแพร่ครั้งแรก 5 พ.ค. 2020 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
เล่านิทานก่อนดีต่อลูกของคุณอย่างไร

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • นิทานก่อนนอนมีข้อดี เช่น ส่งเสริมความฉลาดทางอารมณ์ เสริมเชาว์ปัญญา ทักษะด้านคณิตศาสตร์ ทักษะด้านภาษา การออกเสียง
  • นิทานก่อนนอนช่วยให้พ่อแม่กับเด็กมีความผูกพันกัน และช่วยให้เด็กมีพฤติกรรมรักการอ่านมากขึ้น
  • การลองดัดเสียงหรือจำลองว่าตนเองคือหนึ่งในตัวละครของนิทานจะช่วยให้เด็กตั้งใจฟังนิทานมากขึ้น เป็นเทคนิคหนึ่งในการฝึกสมาธิให้เด็ก
  • การอ่านนิทานแบบไม่มีภาพ เป็นอีกเคล็ดลับในการสร้างเสริมให้เด็กมีจินตนาการได้มากขึ้น
  • การอ่านนิทานก่อนนอนเป็นสร้างเสริมสุขภาพจิตที่ดีให้กับเด็ก และคุณก็อย่าลืมดูแลสุขภาพกายของเด็กให้แข็งแรงด้วย (ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนเด็กได้ที่นี่)

นิทานก่อนนอน เป็นอีกความทรงจำวัยเด็กที่หลายๆ คนชื่นชอบ เพราะเป็นเวลาที่ได้รับฟังเรื่องราวสนุกสนาน และได้ใกล้ชิดกับพ่อแม่

นอกจากนี้นิทานก่อนนอนยังส่งผลดีอื่นๆ แก่เด็ก เช่น เสริมสร้าง EQ ฝึกการแสดงออก เรียนรู้เรื่องภาษาและจินตนาการ

ควรเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กฟังตั้งแต่กี่ขวบ?

เด็กมักต้องการให้พ่อแม่เล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง เมื่ออายุ 3 ขวบ จนเมื่ออายุประมาณ 7 ขวบขึ้นไป เด็กจะเริ่มเข้านอนได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งนิทานก่อนนอน หรืออยากเข้านอนโดยไม่ต้องการให้พ่อแม่มาเล่านิทานให้ฟังอีก

นอกจากนี้ เด็กๆ หลายคนยังต้องการอ่านนิทานก่อนนอนด้วยตนเอง ไม่ต้องให้พ่อแม่เป็นผู้เล่านิทานให้ฟังก็ได้

ข้อดีของการเล่านิทานก่อนนอน

การเล่านิทานนอนให้ลูกฟังนั้นมีข้อดีหลายอย่าง เช่น

1. นิทานก่อนนอนทำให้เด็กสัมผัสถึงความรักของพ่อแม่

การเล่านิทานก็เหมือนการสอนบทเรียน ข้อคิดดีๆ อีกรูปแบบหนึ่ง ที่สนุกกว่าการพูดจาอบรมสั่งสอนทั่วไป เด็กจึงสัมผัสได้ว่า พ่อแม่รักและอยากสนุกไปกับจินตนาการพร้อมกับเขา

อีกทั้งขณะเล่านิทาน พ่อแม่ยังได้นั่งหรือนอนใกล้ๆ ลูก ช่วยส่งเสริมให้ครอบครัวเกิดความรักและใกล้ชิดต่อกันมากขึ้น

2. นิทานก่อนนอนช่วยส่งเสริมทักษะด้านสติปัญญาและอารมณ์

การเล่านิทานสามารถสร้างเสริมเชาว์ปัญญา รวมถึงความฉลาดทางอารมณ์ หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ ไอคิว (IQ) กับอีคิว (EQ) ได้ ผ่านเนื้อเรื่องนิทานที่จะฝึกให้เด็กลองคิด วิเคราะห์ที่มาที่ไปของสถานการณ์ในเนื้อเรื่องอย่างง่ายๆ รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก

3. นิทานก่อนนอนฝึกให้เด็กกล้าแสดงออก

การเล่านิทานก่อนนอนกับพ่อแม่ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดเด็กจะทำให้เด็กกล้าถามข้อสงสัย กล้าสังเกต และเริ่มหัดคิด ซึ่งจะช่วยให้เด็กเป็นคนกล้าพูด กล้าตัดสินใจ และกล้าซักถามเมื่อเกิดข้อสงสัยเมื่อเติบโตขึ้น ไม่เก็บสิ่งที่สงสัยไว้เงียบๆ ในใจ

4. นิทานก่อนนอนทำให้เด็กได้เรียนรู้ภาษา

ไม่ว่าคุณจะเล่านิทานให้เด็กฟังเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือภาษาต่างชาติอื่นๆ ก็ล้วนแต่เป็นตัวช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ภาษา สำเนียง รวมถึงคำศัพท์ต่างๆ เพิ่มเติมจากในห้องเรียน

อีกทั้งนิทานก่อนนอนยังช่วยให้เด็กจดจำคำศัพท์ได้ดี มีทัศคติที่ดีต่อการเรียนภาษามากขึ้นด้วย

5. นิทานก่อนนอนช่วยฝึกทักษะด้านคณิตศาสตร์

เด็กๆ อาจได้เรียนรู้ทักษะด้านคณิตศาสตร์ผ่านการนับตัวละครในภาพ การบวกเลขง่ายๆ ผ่านเนื้อเรื่องในนิทาน และทำให้เขาสามารถเข้าใจบทเรียนในห้องเรียนได้ง่ายขึ้น

6. นิทานก่อนนอนช่วยฝึกสมาธิ

การเล่านิทานเป็นการฝึกให้เด็กจดจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องและเสียงเล่าของพ่อแม่ ทำให้เด็กหัดมีสมาธิอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ซึ่งจะพัฒนาเป็นพฤติกรรมที่ดีต่อการเรียนและการทำงานในอนาคต

7. นิทานก่อนนอนช่วยเสริมจินตนาการ

นิทานก่อนนอนสามารถช่วยสร้างเสริมให้เด็กมีจินตนาการกว้างไกลผ่านการนึกคิดเหตุการณ์ตามเนื้อเรื่องของนิทาน ซึ่งจะทำให้เขารู้สึกมีความสุขที่ได้นึกภาพอะไรใหม่ๆ และสนุกไปกับนิทานก่อนนอนหลับพักผ่อนมากขึ้นด้วย

8. นิทานก่อนนอนปลูกฝังพฤติกรรมรักการอ่าน

เมื่อเด็กค้นพบว่าการอ่านมีแต่ความสนุกสนาน เด็กก็จะเริ่มต่อยอดกิจกรรมด้านการอ่านไปเป็นการอ่านหนังสือเพิ่มเติม เขาอาจอยากลองอ่านหนังสือด้านอื่นๆ นอกเหนือจากหนังสือนิทาน ซึ่งจะช่วยเติมความรู้ให้กับเด็กได้อีกมากมาย

9. นิทานก่อนนอนช่วยให้เด็กเรียนรู้ด้านคุณธรรม

นิทานก่อนนอนมักสอดแทรกข้อคิดดีๆ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ตั้งแต่เด็ก เด็กจะได้เรียนรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรควรทำ ไม่ควรทำ และทำให้เขากลายเป็นคนดีของสังคม สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยตนเองว่า การกระทำใดที่ไม่ถูกต้อง

10. นิทานก่อนนอนช่วยให้เด็กรู้คุณค่าของเวลา

การอ่านนิทานก่อนนอนสามารถกระตุ้นเด็กให้เข้านอนตรงเวลาได้ เพราะเขาจะรู้ว่านั่นคือเวลาของความสนุกและได้อยู่กับพ่อแม่

11. นิทานก่อนนอนช่วยฝึกวินัยให้พ่อแม่

พ่อแม่หลายคนมักมีข้ออ้างเรื่องไม่มีเวลาให้ลูกว่า ตนเองงานยุ่ง เหนื่อยจากงานมาทั้งวัน และอยากพักผ่อน หรืออยากมีเวลาส่วนตัวในช่วงกลางคืนบ้าง

แต่หากคุณหัดลองเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกทุกวัน ตารางชีวิตของคุณจะก็มีเวลาที่ต้องอยู่กับลูกเพิ่มเข้ามา และเมื่อลองทำอย่างสม่ำเสมอ คุณจะเริ่มชินว่า ในทุกๆ วัน คุณจะต้องแบ่งเวลาเพื่ออยู่กับลูกบ้าง

เคล็ดลับการเล่านิทานก่อนนอน

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนอาจอยากรู้ว่า มีเคล็ดลับอะไรที่จะช่วยให้การเล่านิทานก่อนนอนเป็นตัวสร้างเสริมความสุข และช่วยพัฒนาสติปัญญาต่อลูกน้อยได้จริงๆ HD จึงมีเคล็ดลับมาฝากกัน

1. จำลองเป็นตัวละครในนิทาน

คุณพ่อคุณแม่อาจลองเปลี่ยนน้ำเสียง หรือลองเลียนแบบเสียงสัตว์ในนิทานดู การเล่านิทานโดยจำลองว่า คุณเป็นตัวละครตัวใดตัวหนึ่งในนิทานจะยิ่งทำให้เด็กรู้สึกสนุกไปกับเนื้อเรื่อง

นอกจากนี้ การจำลองเป็นตัวละครจะทำให้คุณได้มีส่วนร่วมกับการเล่านิทานจริงๆ และไม่ทำให้เด็กรู้สึกว่า เขาคือภาระที่คุณต้องมาเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน

2. เล่าเรื่องเดิมซ้ำอีกครั้ง

คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนนิทานเป็นเรื่องใหม่ทุกคืนตลอด แต่ให้ลองสลับเล่านิทานเรื่องเดิมซ้ำๆ อาจจะสัปดาห์ละ 2 เรื่องก็พอ

เพราะเด็กที่เพิ่งหัดพูดหรือฟังออกจะไม่สามารถจดจำทุกอย่างได้ในครั้งแรกที่ฟังนิทานเรื่องใหม่ การเล่านิทานเรื่องเดิมซ้ำๆ จะทำให้เขาคุ้นชินกับประโยค เข้าใจการเรียบเรียงคำพูดที่ถูกต้อง

3. อย่าเปลี่ยนนิทานให้กลายเป็นแบบฝึกหัด

เป็นเรื่องไม่ผิดถ้าคุณจะลองตั้งคำถามกับเกี่ยวกับสถานการณ์ในนิทานกับเด็ก แต่อย่าถึงกับถามเด็กอย่างจริงจังเกินไป หรือบอกให้เด็กใช้เหตุผล ใช้การคิดวิเคราะห์ เหมือนกับเป็นแบบฝึกหัดในห้องเรียน

คุณอาจลองลองถามด้วยน้ำเสียงสบายๆ กับเด็กว่า หากเขาอยู่ในเหตุการณ์แบบในนิทานเขาอยากทำอะไร หรือเขารู้อะไรเกี่ยวกับสัตว์ตัวนี้บ้าง เพื่อให้เด็กกล้าพูด กล้าตอบคำถาม กล้าแสดงความคิดเห็นออกมา

4. เลือกนิทานที่เหมาะกับวัยของเด็ก

ไม่มีทางที่เด็กๆ จะสนุกไปกับนิทานที่มีการเล่าเรื่องและตอนจบแบบเดิมๆ ไปได้ตลอด เพราะยิ่งเขาโตขึ้น ได้ไปโรงเรียน ได้มีเพื่อน ได้ฟังเรื่องเล่าสนุกๆ จากคุณครู ความสนุกในการฟังนิทานก่อนนอนย่อมเปลี่ยนไป

พ่อแม่อาจลองหาเวลาในการค้นหาหนังสือนิทานแบบใหม่ๆ หรืออาจหาหนังสือแนวอื่นมาเป็นเรื่องราวเล่าสู่กันฟังก่อนนอนให้กับเด็กๆ หรือหากไม่แน่ใจ คุณอาจลองถามเด็กๆ ดูก็ได้ว่า เขาอยากฟังนิทานหรือเรื่องราวอะไรเป็นพิเศษไหม

5. หนังสือนิทานแบบไม่มีภาพอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

หนังสือนิทานแบบมีภาพนั้นเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้เด็กจินตนาการได้ง่ายขึ้น แต่หากคุณลองอ่านหนังสือนิทานแบบไม่มีภาพประกอบให้เด็กฟังบ้าง เด็กจะได้หัดจินตนาการภาพต่างๆ ตามเนื้อเรื่องโดยไม่มีภาพอ้างอิงจากหนังสือมาแทรกแซงภาพในหัวของเขา

วิธีการอ่านหนังสือนิทานแบบนี้จะยิ่งทำให้เด็กมีจินตนาการกว้างไกลกว่าเดิมยิ่งขึ้น เพราะเขาได้อ่านเพื่อจินตนาการภาพทุกอย่างเอง ไม่ใช่ได้อ่านและได้เห็นภาพจากนั้นค่อยจินตนาการต่อ

การอ่านนิทานก่อนนอน คือ เคล็ดลับอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยสร้างเสริมพัฒนาการของเด็กได้โดยไม่ต้องเรียนรู้แค่จากในห้องเรียนเท่านั้น

นอกจากนี้ การอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง ถือเป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่เกิดขึ้นเมื่อเด็กยังอายุน้อยเท่านั้น และยังเป็นช่วงเวลาที่จะปลูกฝังให้เด็กซึมซับความรัก ความอบอุ่นจากพ่อแม่ได้เป็นอย่างมาก จนเมื่อเขาเติบโตขึ้น กิจกรรมนี้ก็จะหมดความสำคัญลง

โดยปกติการอ่านนิทานก่อนนอนให้ลูกฟังมักใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ลองจัดสรรเวลาของคุณเพื่อมาใช้เวลากับลูกน้อยดูบ้าง

ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพทุกวัย ฉีดวัคซีนเพิ่มภูมิคุ้มกันให้เด็ก เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจต่างๆ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


4 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี,เสริมพัฒนาการให้แก่เด็กด้วยการเล่านิทาน (http://www.childrenhospital.go.th/html/2014/th/article/เสริมพัฒนาการให้แก่เด็กด้วยการเล่านิทาน), 10 มกราคม 2563.
Varsha Tyagi, Why is Bedtime Stories Important for Children (Why is Bedtime Stories Important for Children).
Rob Kemp, How to Read a Bedtime Story (https://www.readingrockets.org/article/how-read-bedtime-story).

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)