อะโวคาโดดีสำหรับทารกหรือไม่?

เผยแพร่ครั้งแรก 23 พ.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
อะโวคาโดดีสำหรับทารกหรือไม่?

อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดี โดยเฉพาะสรรพคุณด้านความงาม และไขมันชนิดดีที่พบได้มากในผลไม้ชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม หากตอนนี้คุณกำลังเป็นคุณแม่ลูกอ่อน และกำลังมองหาผลไม้ให้ลูกน้อย อะโวคาโดถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากทีเดียว แต่ทั้งนี้ในช่วง 6 เดือนแรก คุณควรให้ทารกกินแค่นมแม่เท่านั้น เพราะระบบย่อยอาหารของเด็กยังไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมอาหารชนิดอื่นๆ ได้ แต่หลังจากที่เขามีอายุมากกว่า 6 เดือน คุณสามารถเริ่มให้เขาทานอาหารที่ย่อยง่าย และอาหารแข็งที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบมากหรือมีความนุ่ม สำหรับเหตุผลว่าทำไมอะโวคาโดถึงเป็นอาหารที่เหมาะกับทารกมีดังนี้

อะโวคาโดมีสารอาหารที่เด็กต้องการ

ทารกจำเป็นต้องได้รับสารอาหารสำคัญอย่างธาตุเหล็ก ซิงก์ ฟอสฟอรัส วิตามิน บี3 วิตามินอี และวิตามินดี ซึ่งเราสามารถพบสารอาหารเหล่านี้ได้ในอะโวคาโด นอกจากนี้อะโวคาโดยังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ โดยมีน้ำตาลน้อยกว่า 1 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค อีกทั้งยังมีไฟเบอร์และกรดไขมันชนิดดี

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

อะโวคาโดมีกรดไขมันชนิดดี

อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยไขมัน แต่มันกลับเป็นไขมันชนิดที่ดีต่อสุขภาพ เนื้ออะโวคาโดประมาณ 100 กรัม มีน้ำมันประมาณ 15-30 กรัม ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเป็นหลัก นอกจากนี้อะโวคาโดยังเป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็นอย่างกรดไขมันไลโนเลอิก

ทั้งนี้มีงานวิจัยพบว่า ทารกที่ทานอาหารที่มีกรดไลโนเลอิกต่ำจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่ช้าลง อีกทั้งยังมีผิวหนังที่แห้งกร้าน ผิวลอก และผิวด้านหนา หลังจากนั้นก็เกิดการอักเสบและผื่นบริเวณรอยพับของผิวหนัง รวมถึงมีความไวต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย ตัวอย่างเช่น การติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียชนิด Staphylococcus อย่างไรก็ตาม เด็กที่มีอายุ 12-24 เดือนจะได้รับประโยชน์จากการทานอะโวคาโดเป็นอย่างมาก

มีโปรตีนมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ถึง 2 เท่า

โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโต ซึ่งอะโวคาโด 100 กรัม มีโปรตีนประมาณ 2 กรัม ซึ่งคิดเป็นสองเท่าหรือมากกว่าโปรตีนในผลไม้อย่างกล้วย (1.1 กรัม) และแอปเปิ้ล (0.3 กรัม) ยิ่งไปกว่านั้น อะโวคาโดยังมีกรดอะมิโน 18 ชนิด จาก 20 ชนิด ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโต และในจำนวนนี้ มีกรดอะมิโนที่จำเป็น 10 ชนิดที่ร่างกายไม่สามารถผลิตได้เอง และต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น

เป็นแหล่งของไฟเบอร์

แม้ว่ายังไม่มีการกำหนดปริมาณของไฟเบอร์ที่ทารกที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี ควรได้รับต่อวัน แต่ Lisa Yates นักโภชนาการชาวออสเตรเลียกล่าวว่า สำหรับทารกที่มีอายุ 7-12 ปี การทานอะโวคาโด ¼ ลูก หรือประมาณ 60 กรัม ก็เพียงพอที่จะทำให้ลำไส้มีสุขภาพดี ซึ่งอะโวคาโด 100 กรัม มีไฟเบอร์ประมาณ 7 กรัม แต่เมื่อทารกมีอายุถึง 1 ปี คุณควรให้อาหารที่มีไฟเบอร์เพิ่มขึ้น เพื่อให้ถึงปริมาณที่ร่างกายของทารกต้องการ ซึ่งก็คือประมาณ 19 กรัมต่อวัน

มีวิตามินเกือบครบตามที่ทารกต้องการ

อะโวคาโดมีวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค และวิตามินบีทั้ง 5 ชนิด ทั้งนี้การทานอะโวคาโด 100 กรัม หรือประมาณครึ่งลูก จะทำให้ทารกที่มีอายุ 7-12 เดือน ได้รับสารอาหารถึงปริมาณสารอาหารที่เพียงพอในแต่ละวัน (Adequate Intake - AI) ดังนี้

  • 22% ของไทอามีน (AI = 0.3 มก.) – จำเป็นต่อการเติบโต และการพัฒนาเซลล์และการเผาผลาญพลังงาน
  • 32.5% ของไรโบฟลาวิน (AI = 0.4 มก.) –  ช่วยปลดปล่อยพลังงานในระหว่างกระบวนการเผาผลาญ
  • 43% ของไนอาซีน (AI = 4 มก.) – ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน
  • 86% ของวิตามิน บี6 (AI = 0.3 มก.) – ช่วยในกระบวนการเมทาบอลิซึมของโปรตีน
  • 100% ของโฟเลต (AI = 80 ไมโครกรัม) – จำเป็นต่อการเติบโตของเซลล์ในร่างกาย และการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง
  • 20% ของวิตามินซี (AI = 50 มก.) – ช่วยในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์เม็ดเลือดแดง และการเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบภูมิต้านทาน
  • 41% ของวิตามินอี (AI = 5 มก.) – เป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน

มีแร่ธาตุที่สำคัญ

อะโวคาโดเป็นแหล่งของแร่ธาตุที่สำคัญอย่างแมคนีเซียม ฟอสฟอรัส ซิงก์ คอปเปอร์ แมงกานีส และธาตุเหล็ก อะโวคาโด 100 กรัม จะทำให้ทารกได้รับสารอาหารดังนี้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

  • 38% ของปริมาณที่ทารกต้องการธาตุแมคนีเซียม – จำเป็นต่อการสังเคราะห์โปรตีน และการสื่อสารระหว่างเซลล์
  • 19% ของฟอสฟอรัส – จำเป็นต่อการมีกระดูกที่แข็งแรง และการสร้างพลังงาน
  • 12.5% ของซิงก์ – จำเป็นต่อการสังเคราะห์โปรตีน และการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

นอกจากนี้อะโวคาโดยังมีธาตุโพแทสเซียมมากกว่าโซเดียม ซึ่งจำเป็นต่อการรักษาสุขภาพหัวใจของทารก และโพแทสเซียมในอะโวคาโดคิดเป็น 69% ของปริมาณธาตุที่จำเป็นต้องได้รับต่อวัน

วิธีให้อาหารทารก

วิธีการทานอะโวคาโดที่ดีที่สุดคือ การนำไปบด หรือหากเด็กโตพอที่จะเขี่ยอาหารที่ตัวเองไม่ชอบได้แล้ว คุณก็อาจนำอะโวคาโดไปทำสมูทตี้ผสมกล้วย สำหรับสูตรมีดังนี้

ส่วนผสม

  • กล้วยสุก 1 สไลด์
  • อะโวคาโดสดที่ปอกเปลือกและเอาเมล็ดออกแล้ว 1 ลูก
  • น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา
  • ผงวานิลลา ¼ ช้อนชา
  • นมเย็นหรือร้อน 2 ถ้วย
  • น้ำแข็ง 4-5 ก้อน

วิธีทำ

นำกล้วยและน้ำผึ้งมาปั่นจนได้เนื้อที่เนียนและเป็นฟอง จากนั้นให้ใส่ผงวานิลลา นม และน้ำแข็งลงไป แล้วปั่นต่อประมาณ 1 นาที

ที่มา: https://www.curejoy.com/conten...


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
How to Make Avocado Puree for Babies. Parents. (https://www.parents.com/recipes/baby-food/how-to-make-avocado-puree/)
How to Make Avocado Baby Food. Verywell Fit. (https://www.verywellfit.com/how-to-make-avocado-baby-food-284436)
Avocado Nutrition and Baby Development. Verywell Family. (https://www.verywellfamily.com/avocado-nutrition-and-baby-development-284431)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)