February 09, 2019 16:44
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ การแก้หมัน ควรจะต้องทำโดยสูตินรีเวชผู้เชี่ยวชาญ ทำที่ รพ รัฐขนาดใหญ่ โรงเรียนแพทย์ หรือ เอกชนขนาดใหญ่ค่ะ
**การแก้หมัน ไม่สามารถใช้สิทธิในการรักษาใดๆได้ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิสามสิบบาทค่ะ
งบประมาณการต่อหมัน ถ้าเป็นที่ รพ รัฐบาล จะประมาณ 1-3 หมื่นบาท และถเา รพ เอกชน จะประมาณ 8หมื่นถึง 1.5 แสนบาทขึ้นไปค่ะ (คนไข้ลองติดต่อ รพ อีกทีนะคะ)
การทำหมันหญิง ถือเป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยจะเป็นการทำให้ท่อนำไข่ (Fallopian Tube) อุดตัน โดยการใช้ไฟฟ้าจี้ , ผูกและตัด , ใช้คลิปหนีบ , หรือใช้วงแหวนพลาสติก รัดทางเดินของท่อนำไข่ หรือที่เรียกกันว่าปีกมดลูกทั้งสองข้าง ไข่ที่ตกจากรังไข่เดือนละ 1 ใบ จะไม่สามารถเข้ามาผสมกับตัวอสุจิจากฝ่ายชายได้ ค่ะ
- โดยหากคู่สมรส มีความต้องการที่จะมีบุตรอีกครั้งหลังทำหมันไปแล้ว จะต้องทำการประเมินสุขภาพร่างกาย และโอกาสการตั้งครรภ์ของทั้งาองคนนะคะ
ได้แก่
1.ความบูรณ์ของฝ่ายชาย ได้แก่ สุขภาพร่างกายโดยทั่วไป น้ำเชื้อของฝ่ายชาย คุณภาพน้ำเชื้อของฝ่ายชาย เป็นต้นค่ะ เนื่องจาก หากพบว่าฝ่ายชายเป็นหมัน การแก้หมันไป ก้จะไม่สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้อยู่ดีค่ะ
2.ความสมบูรณ์ของฝ่ายหญิง ได้แก่ สุขภาพโดยทั่วไป เช่น โรคประจำตัวต่างๆ ที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เลือดจาง ตับ ไต เป็นต้น และอายุ (เนื่องจาก อายุมากกว่า 40 ปี โอกาสจะตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ก้อาจไม่มากอยู่แล้ว และอาจมีผบแทรกซ้อนจากการตั้งครรภฺมากค่ะ) ระยะเวลาของการทำหมัน หากทำมานาน โอกาสการตั้งครรภ์จะลดลงค่ะ. นอกจากนี้ จะต้องตรวจอวัยวะอื่นๆทางระบบสืบพันธ์ เช่น มดลูก รังไข่ ค่ะ และ ตรวจหมันเดิมที่ทำไว้ค่ะ ได้แก่ การส่องกล้องทางหน้าท้อง การฉีดสีดูท่อนำไข่ ทั้งลักษณะภายนอก และการดูจากกล้องจุลทรรศน์ค่ะ หากการทำหมันเดิมของผู้หญิง ไม่ไม่มีการทำลายท่อนำไข่มาก ไม่ค่อยมีผังผืด ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงกว่า กลุ่มที่ตัดท่อนำไข่และมีการทำลายท่อนำไข่มากๆด้วยค่ะ
**โดยปกติ โอกาสตั้งครรภ์ของสตรีที่ต่อหมัน จะมีประมาณ 15-70 เปอร์เซนต์ค่ะ
-การแก้หมันหญิง ต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะค่ะ
**ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้นำประวัติเก่าที่ทำหมันที่ รพ เดิมมาด้วยนะคะ จะเป็นประโยชน์กับคุณหมอมากๆค่ะ
สำหรับการทำ ivf หรือ เด็กหลอดแก้วนั้น
ทำโดยการใช้ยากระตุ้นไข่และใช้เข็มดูดเก็บไข่จากรังไข่ จากนั้นจึงนำมาผสมกับอสุจิภายนอกร่างกาย จนได้ตัวอ่อน แล้วจึงย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไป ซึ่งจะมีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 25-40% ต่อรอบค่ะ แต่วิธีนี้ ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปอีกค่ะ
โดย รพ รัฐ ค่าใช้จ่าย 40000-60000 บาท และเอกชน 150000-200000 บาทขึ้นไปค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ การแก้หมัน ควรจะต้องทำโดยสูตินรีเวชผู้เชี่ยวชาญ ทำที่ รพ รัฐขนาดใหญ่ โรงเรียนแพทย์ หรือ เอกชนขนาดใหญ่ค่ะ
**การแก้หมัน ไม่สามารถใช้สิทธิในการรักษาใดๆได้ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิสามสิบบาทค่ะ
งบประมาณการต่อหมัน ถ้าเป็นที่ รพ รัฐบาล จะประมาณ 1-3 หมื่นบาท และถเา รพ เอกชน จะประมาณ 8หมื่นถึง 1.5 แสนบาทขึ้นไปค่ะ (คนไข้ลองติดต่อ รพ อีกทีนะคะ)
การทำหมันหญิง ถือเป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยจะเป็นการทำให้ท่อนำไข่ (Fallopian Tube) อุดตัน โดยการใช้ไฟฟ้าจี้ , ผูกและตัด , ใช้คลิปหนีบ , หรือใช้วงแหวนพลาสติก รัดทางเดินของท่อนำไข่ หรือที่เรียกกันว่าปีกมดลูกทั้งสองข้าง ไข่ที่ตกจากรังไข่เดือนละ 1 ใบ จะไม่สามารถเข้ามาผสมกับตัวอสุจิจากฝ่ายชายได้ ค่ะ
- โดยหากคู่สมรส มีความต้องการที่จะมีบุตรอีกครั้งหลังทำหมันไปแล้ว จะต้องทำการประเมินสุขภาพร่างกาย และโอกาสการตั้งครรภ์ของทั้งาองคนนะคะ
ได้แก่
1.ความบูรณ์ของฝ่ายชาย ได้แก่ สุขภาพร่างกายโดยทั่วไป น้ำเชื้อของฝ่ายชาย คุณภาพน้ำเชื้อของฝ่ายชาย เป็นต้นค่ะ เนื่องจาก หากพบว่าฝ่ายชายเป็นหมัน การแก้หมันไป ก้จะไม่สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้อยู่ดีค่ะ
2.ความสมบูรณ์ของฝ่ายหญิง ได้แก่ สุขภาพโดยทั่วไป เช่น โรคประจำตัวต่างๆ ที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เลือดจาง ตับ ไต เป็นต้น และอายุ (เนื่องจาก อายุมากกว่า 40 ปี โอกาสจะตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ก้อาจไม่มากอยู่แล้ว และอาจมีผบแทรกซ้อนจากการตั้งครรภฺมากค่ะ) ระยะเวลาของการทำหมัน หากทำมานาน โอกาสการตั้งครรภ์จะลดลงค่ะ. นอกจากนี้ จะต้องตรวจอวัยวะอื่นๆทางระบบสืบพันธ์ เช่น มดลูก รังไข่ ค่ะ และ ตรวจหมันเดิมที่ทำไว้ค่ะ ได้แก่ การส่องกล้องทางหน้าท้อง การฉีดสีดูท่อนำไข่ ทั้งลักษณะภายนอก และการดูจากกล้องจุลทรรศน์ค่ะ หากการทำหมันเดิมของผู้หญิง ไม่ไม่มีการทำลายท่อนำไข่มาก ไม่ค่อยมีผังผืด ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงกว่า กลุ่มที่ตัดท่อนำไข่และมีการทำลายท่อนำไข่มากๆด้วยค่ะ
**โดยปกติ โอกาสตั้งครรภ์ของสตรีที่ต่อหมัน จะมีประมาณ 15-70 เปอร์เซนต์ค่ะ
-การแก้หมันหญิง ต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะค่ะ
**ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้นำประวัติเก่าที่ทำหมันที่ รพ เดิมมาด้วยนะคะ จะเป็นประโยชน์กับคุณหมอมากๆค่ะ
สำหรับการทำ ivf หรือ เด็กหลอดแก้วนั้น
ทำโดยการใช้ยากระตุ้นไข่และใช้เข็มดูดเก็บไข่จากรังไข่ จากนั้นจึงนำมาผสมกับอสุจิภายนอกร่างกาย จนได้ตัวอ่อน แล้วจึงย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไป ซึ่งจะมีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 25-40% ต่อรอบค่ะ แต่วิธีนี้ ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปอีกค่ะ
โดย รพ รัฐ ค่าใช้จ่าย 40000-60000 บาท และเอกชน 150000-200000 บาทขึ้นไปค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ การแก้หมัน ควรจะต้องทำโดยสูตินรีเวชผู้เชี่ยวชาญ ทำที่ รพ รัฐขนาดใหญ่ โรงเรียนแพทย์ หรือ เอกชนขนาดใหญ่ค่ะ
**การแก้หมัน ไม่สามารถใช้สิทธิในการรักษาใดๆได้ ไม่ว่าจะเป็น สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิสามสิบบาทค่ะ
งบประมาณการต่อหมัน ถ้าเป็นที่ รพ รัฐบาล จะประมาณ 1-3 หมื่นบาท และถเา รพ เอกชน จะประมาณ 8หมื่นถึง 1.5 แสนบาทขึ้นไปค่ะ (คนไข้ลองติดต่อ รพ อีกทีนะคะ)
การทำหมันหญิง ถือเป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยจะเป็นการทำให้ท่อนำไข่ (Fallopian Tube) อุดตัน โดยการใช้ไฟฟ้าจี้ , ผูกและตัด , ใช้คลิปหนีบ , หรือใช้วงแหวนพลาสติก รัดทางเดินของท่อนำไข่ หรือที่เรียกกันว่าปีกมดลูกทั้งสองข้าง ไข่ที่ตกจากรังไข่เดือนละ 1 ใบ จะไม่สามารถเข้ามาผสมกับตัวอสุจิจากฝ่ายชายได้ ค่ะ
- โดยหากคู่สมรส มีความต้องการที่จะมีบุตรอีกครั้งหลังทำหมันไปแล้ว จะต้องทำการประเมินสุขภาพร่างกาย และโอกาสการตั้งครรภ์ของทั้งาองคนนะคะ
ได้แก่
1.ความบูรณ์ของฝ่ายชาย ได้แก่ สุขภาพร่างกายโดยทั่วไป น้ำเชื้อของฝ่ายชาย คุณภาพน้ำเชื้อของฝ่ายชาย เป็นต้นค่ะ เนื่องจาก หากพบว่าฝ่ายชายเป็นหมัน การแก้หมันไป ก้จะไม่สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้อยู่ดีค่ะ
2.ความสมบูรณ์ของฝ่ายหญิง ได้แก่ สุขภาพโดยทั่วไป เช่น โรคประจำตัวต่างๆ ที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เลือดจาง ตับ ไต เป็นต้น และอายุ (เนื่องจาก อายุมากกว่า 40 ปี โอกาสจะตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ก้อาจไม่มากอยู่แล้ว และอาจมีผบแทรกซ้อนจากการตั้งครรภฺมากค่ะ) ระยะเวลาของการทำหมัน หากทำมานาน โอกาสการตั้งครรภ์จะลดลงค่ะ. นอกจากนี้ จะต้องตรวจอวัยวะอื่นๆทางระบบสืบพันธ์ เช่น มดลูก รังไข่ ค่ะ และ ตรวจหมันเดิมที่ทำไว้ค่ะ ได้แก่ การส่องกล้องทางหน้าท้อง การฉีดสีดูท่อนำไข่ ทั้งลักษณะภายนอก และการดูจากกล้องจุลทรรศน์ค่ะ หากการทำหมันเดิมของผู้หญิง ไม่ไม่มีการทำลายท่อนำไข่มาก ไม่ค่อยมีผังผืด ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงกว่า กลุ่มที่ตัดท่อนำไข่และมีการทำลายท่อนำไข่มากๆด้วยค่ะ
**โดยปกติ โอกาสตั้งครรภ์ของสตรีที่ต่อหมัน จะมีประมาณ 15-70 เปอร์เซนต์ค่ะ
-การแก้หมันหญิง ต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญและได้รับการฝึกฝนมาโดยเฉพาะค่ะ
**ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้นำประวัติเก่าที่ทำหมันที่ รพ เดิมมาด้วยนะคะ จะเป็นประโยชน์กับคุณหมอมากๆค่ะ
สำหรับการทำ ivf หรือ เด็กหลอดแก้วนั้น
ทำโดยการใช้ยากระตุ้นไข่และใช้เข็มดูดเก็บไข่จากรังไข่ จากนั้นจึงนำมาผสมกับอสุจิภายนอกร่างกาย จนได้ตัวอ่อน แล้วจึงย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไป ซึ่งจะมีโอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 25-40% ต่อรอบค่ะ แต่วิธีนี้ ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปอีกค่ะ
โดย รพ รัฐ ค่าใช้จ่าย 40000-60000 บาท และเอกชน 150000-200000 บาทขึ้นไปค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
รพ.รัฐที่รับแก้หมันมีกี่ที่ และมีที่ใหนบ้าง ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่ ถ้าทำเด็กหลอดแก้วใช้ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าใหร่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)