November 25, 2018 22:16
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่แต่ไม่มีการหลั่งนั้นมีโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ เนื่องจากในขณะที่มีการสอดใส่นั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปผสมกับไข่ได้
แต่ถ้าหากได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วและยาคุมฉุกเฉินที่ซื้อเป็นชนิดที่มี 1 เม็ด โอกาสตั้งครรภ์ก็จะลดลงประมาณ 75-85% ครับ
แต่ถ้าหากยาคุมฉุกเฉินที่ซื้อมาเป็นชนิด 2 เม็ดก็จะต้องรับประทานยาคุมเม็ดที่ 2 ห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมงยาคุมจึงจะให้ผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ
ถ้าหากได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินอย่างถูกต้องแล้วในตอนนี้ก็ถือว่าคุณได้ป้องกันการตั้งครรภ์ไปอย่างเต็มที่แล้วครับ หลังจากนี้หมอแนะนำให้รอสังเกตประจำเดือนต่อไปก่อน ถ้าหากประจำเดือนมาตามปกติก็ไม่น่ามีการตั้งครรภ์ครับ แต่ถ้าหากถึงเวลาที่ประจำเดือนควรจะมาแล้วประจำเดือนยังไม่มาก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
และหลังจากนี้ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรมีการป้องกันทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ถุงยางอนามัยหรือใช้ยาคุมกำเนิดครับ
ในกรณีที่ต้องการใช้ถุงยางอนามัยก็สามารถเริ่มใช้ได้ทันทีในครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์ครับ
แต่ถ้าหากต้องการใช้ยาคุมกำเนิดก็มีคำแนะนำดังนี้
- หากต้องการรับประทานยาคุมแบบรายเดือน ก็ให้เริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน
- ถ้าหากต้องการฉีดหรือฝังยาคุมกำเนิด ก็สามารถเริ่มใช้ได้ภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
แม้จะไม่มีการหลั่ง แต่ก็อาจจะมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นในขณะที่สอดใส่ได้ค่ะ จึงเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้เช่นกันนะคะ การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีสำรอง อาจช่วยลดความเสี่ยงลงได้บ้างหากรับประทานเร็วและครบขนาด
ดังนั้น หากยาคุมฉุกเฉินที่ใช้อยู่เป็นแบบแผงละ 1 เม็ด ก็ถือว่าใช้ครบขนาดแล้วค่ะ
แต่ถ้ายาคุมฉุกเฉินที่ใช้อยู่ เป็นแบบแผงละ 2 เม็ด ก็อย่าลืมรับประทานเม็ดที่ 2 ให้ตรงเวลาด้วยนะคะ
หลังจากใช้ยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็ให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ ถ้าไม่มี ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
และระหว่างที่รอให้ประจำเดือนมา หากจะมีเพศสัมพันธ์อีก ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จิตตรีพร
อริปริยะกุล
(พยาบาลวิชาชีพ)
eye
การสอดใส่ถึงแม้ไม่ถึงจุดสุดยอด ก็มีความเสี่ยงตั้งครรภ์ถึงแม้จะไม่มากเท่าตอนหลั่ง แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยง เนื่องจากขณะสอดใส่ อาจมีอสุจิบางส่วนปนมากับน้ำหล่อลื่น
ยาคุมฉุกเฉินหากทานทันทีภายใน24ชัวโมงหลังมีเพศสัมพันธ์จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 85%
แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย14วัน โดยใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอน และอ่านผลทันทีใน5-10นาทีค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ซื้อแบบแผง2เม้ดค่ะละคือกินไปเม้ดเดียวตั้งแต่มะวานละค่ะละจะมีโอกาสท้องไหมค่ะะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหากยาคุมฉุกเฉินที่ซื้อมาเป็นประเภท 2 เม็ด ก็จะต้องรับประทานเม็ดที่ 2 ห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมงจึงจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ
ในกรณีนี้หมอแนะนำให้รับประทานยาคุมเม็ดที่ 2 ที่เวลา 12 ชั่วโมงห่างจากยาคุมเม็ดแรก แต่ถ้าหากเลย 12 ชั่วโมงไปแล้วแต่ยังไม่เกิน 24 ชั่วโมงก็ให้รับประทานยาคุมเม็ดที่ 2 ให้เร็วที่สุดครับ
แต่ถ้าหากเกิน 24 ชั่วโมงหลังรับประทานยาเม็ดแรกไปแล้ว และยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็แนะนำให้ไปซื้อยาคุมฉุกเฉินแผงใหม่มารับประทานในทันทีครับ ทั้งนี้แนะนำให้รับประทานยาคุม 2 เม็ดพร้อมกันเพื่อให้ระดับฮอร์โมนสูงขึ้นเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างรวดเร็วครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ยาคุมฉุกเฉินกินเม้ดแรกตอน4โมงเย้นวันที่24/11/61เม้ดที่2กินวันที่26/11/61เวลา7.50น. มีโอกาสท้องไหมค่ะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
เนื่องจากไม่ได้รับประทานยาคุม 2 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง ยาคุมฉุกเฉินจะไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ในกรณีนี้ครับ
และเนื่องจากคุณได้รับประทานยาคุมเม็ดที่ 2 ห่างจากเม็ดแรกเกิน 24 ชั่วโมง หมอจึงแนะนำว่าควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินอีก 1 เม็ดในวันที่ 26 พฤศจิกายน เวลา 19.50น. เพื่อให้ยาคุมฉุกเฉินสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ แต่ประสิทธิภาพอาจจะไม่ได้ดีมากนักเมื่อเทียบกับการรับประทานยาคุมฉุกเฉินอย่างรวดเร็วครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สรุปน่ะค่ะในวันที่ 241161 เวลา บ่าย2กว่า มีเพศสัมพันธ์กับแฟนค่ะโดยไม่ได้ใส่ถุงค่ะและก่ยังไม่แตกค่ะกินยาคุมฉุกเฉินเม้ดแรกในวันที่241161 เวลา 4โมวเย้นค่ะ และกินยาคุมฉุกเฉินเม้ดที่2เมื่อวันที่261161 เวลา 7.50 น.ค่ะ ต้องทำยังไงต่อค่ะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินอีก 1 เม็ดในวันที่ 26 พฤศจิกายน เวลา 19.50 น. ครับ เนื่องจากการรับประทานยาเม็ดที่ 1 และ 2 ห่างกันมากเกินไปจึงไม่สามารถใช้ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มีเพศสัมพันธ์กับแฟนไม่ได้ใส่ถุงแต่ก็ยังไม่แตกแต่ก็กินยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว1เม้ดท้องไหมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)