September 27, 2018 17:28
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกนั้นไม่ใช่วิธีที่ปลอดภัยเนื่องจากมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ และการฉีดยาคุมกำเนิดนั้นก็ควรรอให้ประจำเดือนมาก่อนและให้ฉีดภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ก่อนฉีดยาครับ
ส่วนการป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีที่ได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันไปแล้วนั้นสามารถทำได้ 2 วิธีครับ คือ
1. รับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ วิธีนี้จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85% ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงมานักจึงทำให้มีคำแนะนำว่าไม่ควรใช้การคุมกำเนิดวิธีนี้บ่อยๆ แต่ถ้าหากจำเป็นต้องรับประทานจริงๆก็สามารถรับประทานได้ครับ
2. ใส่ห่วงอนามัยแบบฉุกเฉิน โดยใส่ภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ วิธีนี้จะข่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 99.4% รวมถึงยังสามารถใช้ในการคุมกำเนิดระยะยาวได้ด้วย หากต้องการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ก็สามารถไปปรึกษาแพทย์สูตินรีเวชเพื่อพิจารณาความเหมาะสมได้ครับ
และในกรณีที่ต้องการทราบว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ดูได้อย่างเร็วที่สุด ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ทั้งนี้ไม่แนะนำให้รับประทานยาขับเลือดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การหลั่งนอกเป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำค่ะ มีโอกาสผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้สูง 22% ดังนั้น หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ยังสามารถรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้นะคะ แนะนำให้รีบรับประทานโดยเร็วเลยค่ะ ยิ่งเร็วยิ่งมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ล่าช้า
แต่ยาคุมฉุกเฉินก็ไม่มีประสิทธิภาพสูงเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกตินะคะ ต่อให้รับประทานเร็วก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% ดังนั้น เมื่อใช้แล้วให้รอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ต้องตรวจการตั้งครรภ์ค่ะ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้ว ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีประจำเดือนมาภายใน 7 วันหลังรับประทานยานะคะ เพราะยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาเร่งประจำเดือน โดยทั่วไป ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบประจำเดือนเดิม หรือคลาดเคลื่อนไม่กี่วันค่ะ
ส่วนเลือดที่อาจพบได้ภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้น เป็นหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากยานะคะ และการมีผลข้างเคียงนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะไม่ตั้งครรภ์ค่ะ จึงต้องรอดูประจำเดือนว่าจะมาตามปกติหรือไม่
ไม่ทราบว่ายาขับเลือดที่ผู้ถามกล่าวมานั้นคือยาอะไร แต่ถ้าหมายถึงยาสตรีก็ไม่จำเป็นต้องใช้ค่ะ เพราะไม่ได้มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ใด ๆ จึงไม่มีประโยชน์ ให้รีบรับประทานยาคุมฉุกเฉินถ้ายังใช้ทันดีกว่านะคะ
และระหว่างที่รอให้ประจำเดือนมา หากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีก ให้ใช้ถุงยางทุกครั้งนะคะ ถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึม จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ดีกว่าวิธีหลั่งนอกหลายเท่าเลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมอคะ คือมีอะไรกับแฟนตอนใส่ถุงยางแต่แฟนบอกถุงยางแตกหลั่งใน แฟนก็ซื้อยาคุมฉุกเฉิกให้กินหลังจากนั้นประจำเดือนก็มาใน1อาทิตย์ที่กินไป พอประจำเดือนหมดได้8-9วันก็มีอะไรกันอีกค่ะแต่ไม่ได้ใส่ถุงยางแต่หลั่งนอกทีแรกว่าจะกินยาคุมฉุกเฉินอีกแต่พออ่านในเว็บอื่นๆบอกว่ายาคุมฉุกเฉินไม่ควรกิน2ครั้งต่อเดือน ตอนเย็นเลยจะไปฉีดยาคุมแต่หมอบอกว่าฉีดไม่ได้ ต้องฉีดหลังจากเป็นประจำเดือน4-5วันค่ะ แบบนี้มีโอกาสจะท้องไหมคะ ควรจะกินยาขับเลือดไหม
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)