หากมีเพศสัมพันธ์ุแล้วใส่ถุงยางอนามัยแต่ถุงยางรั่ว...น้ำยังไม่แตกควรกินยาคุมไม่ค่ะ

สวัสดีครับ
ถ้าหากถุงยางอนามัยมีการฉีกขาดก็อาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

การตั้งครรภ์ ในผู้หญิงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการตกไข่ในผู้หญิง และมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีการตกไข่เท่านั้น (ส่วนใหญ่ในช่วงประมาณ14วันนับจากประจำเดือนวันแรกครับ) ถ้ามีการสอดใส่ โดยไม่ได้ป้องกัน หรือถุงยางอนามัยรั่ว ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ

แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ (ทานอย่างช้าไม่ควรเกิน72ชั่วโมง ช้าสุด120ชั่วโมงครับ) เพื่อลดโอกาสการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ครับ

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ส่วนใหญ่มีประสิทธิภาพประมาณเกือบ 90% หากทานถูกวิธีภายในวันแรกครับ ประสิทธิภาพจะลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ทานครับ
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมาแม้ผลปกติครับ

สวัสดีค่ะ
กรณีมีเพศสัมพันธ์ใส่ถุงยางอนามัยแล้วถุงยางมีการรั่วหรือขาดก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ถึงแม้จะไม่มีการหลั่งค่ะ เนื่องจากอาจมีอสุจิปนมากับน้ำหล่อลื่นได้ค่ะ ดังนั้นถ้ามีเพศสัมพันธ์ยังไม่ถึง 72 ชั่วโมง หรืออนุโลมให้อย่างช้าสุด 120 ชั่วโมง ให้รีบทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินค่ะ โดยยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85% ยิ่งทานเร็วประสิทธิภาพในการคุมก็สูงตามไปด้วยค่ะ สำหรับผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดเต้านม ปวดท้อง มีเลือดออกกะปริบกะปรอย ประจำเดือนเลื่อนได้ค่ะ และถ้าผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว 14 วันสามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ได้ค่ะ โดยตรวจในตอนเช้าจะได้ผลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดค่ะ