December 11, 2018 20:22
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีอารมณ์เศร้าหดหู่ ร้องไห้อยู่บ่อยๆ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า จนมีความรู้สึกอยากฆ่าตัวตายนั้นอาจเป็นอาการทีีเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือค่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วตนเองก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
เนื่องจากดูเหมือนว่าอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นมาค่อนข้างนานแล้วและก็ส่งผลมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณพอสมควร หมอแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนครับ เนื่องจากโรคซึมเศร้านั้นเกิดจากการทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติไป อารมณ์เศร้าผิดปกติที่เกิดขึ้นนี้จึงหายไปเองได้ยากหากไม่ได้รับการรักษา
ในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้นถ้าหากไปตรวจในโรงพยาบาลที่มีสิทธิการรักษาอยู่ก็จะสามารถตรวจรักษาได้ฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ แต่ถ้าหากโรงพยาบาลตามสิทธิการรักษาไม่มีจิตแพทย์ก็สามารถขอให้ทางโรงพยาบาลออกหนังสือส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์ประจำอยู่ได้ ซึ่งก็จะทำให้สามารถตรวจรักษาได้ฟรีหรือมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินเพียงเล็กน้อยเช่นกันครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ในส่วนของความเศร้าหรือการที่คุณมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปต่างๆ รวมไปถึงเรื่องของความคิดฆ่าตัวตายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เข้าข่ายเรื่องการมีความเสี่ยงของภาวะโรคซึมเศร้าอยู่ครับ ซึ่งอย่างที่คุณหมอได้บอกไว้ก็คือ การที่มีอาการเหล่านี้มากๆ คุณควรจะได้รับการดูแลรักษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต ทั้งจิตแพทย์และนักจิตวิทยาหรือนักวิชาชีพอื่นๆควบคู่กันไปด้วยครับ ซึ่งการได้รับการประเมินและวินิจฉัยจากแพทย์ก็จะทำให้คุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมซึ่งโดยปกติแล้วก็จะเป็นการรับประทานยา และการพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาครับ
โดยในส่วนของสาเหตุของภาวะที่เกิดขึ้นนี้มีด้วยกันหลากหลายปัจจัยตามที่คุณหมอว่า ดังนั้นการที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นคุณเองก็จะต้องเป็นผู้ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตนเอง นอกเหนือจากการรับประทานยาที่จะเข้าไปช่วยในเรื่องสมดุลภายในสมอง ดังนั้น ผมอาจจะขอเพิ่มเติมในเรื่องของการดูแลตนเองครับ เนื่องจากเป็นอีกส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถมีอารมณ์ที่ดีขึ้นและสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างที่ต้องการ โดยควรเริ่มจากการลองหากิจกรรมเล็กๆน้อยๆที่จะทำให้คุณเกิดอาการผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกว่ามีความสุขที่จะได้ทำสิ่งเหล่านั้น อาจจะมองไปที่สิ่งเล็กๆ เช่นการทานอาหารที่ชอบ การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย การฟังเพลง การดูหนังดูละครที่เราชอบ โดยหากค่อยๆทำให้เป็นกิจวัตร กิจกรรมเหล่านี้อาจจะเป็นทางหนึ่งที่ช่วยเหลือเราขึ้นได้บ้างครับ การหาบุคคลเช่นเพื่อนที่ไว้ใจ หรือบุคคลในครอบครัว เพื่อให้เราค่อยบอกเล่าปัญหาหรือความทุกข์ในใจก็เป็นสิ่งที่คุณสามารถทำได้เช่นกันครับ
ในเรื่องของสิทธิในการรักษาพยาบาลสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ด้านล่างนี้นะครับ
http://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml
นอกจากนั้นแล้วผมขอฝากในเรื่องของสายด่วนสุขภาพจิต 1323 และ hotline ของสมาคมสะมาริตันส์ 02-713-6793 ไว้นะครับ เผื่อว่าคุณต้องการคนที่จะคอยรับฟังคุณในกรณีเร่งด่วย โดยสานด่วนสุขภาพจิตนะเปิดบริการ 24 ชั่วโมงแต่ของสมาคมสะมาริตันส์จะให้บริการเพียงเวลา 12:00 - 22:00 น. เท่านั้นครับ หากมีคำถามอื่นๆเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
เบื้องต้นลองทำแบบเมินความเครียดด้วยตนเองดุก่อนนะคะ
โดยสำรวจจากอาการภายใน 1-2 เดือน ว่ามีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน โดยให้คะแนนตามระดับความรุนแรงของอาการดังนี้
ไม่เคยเลย 0 คะแนน
ครั้งคราว 1 คะแนน
บ่อยๆ 2 คะแนน
ประจำ 3 คะแนน
1. นอนไม่หลับ เพราะมีเรื่องกังวลใจหรือคิดมาก
2. รู้สึกหงุดหงิด รำคาญใจ
3. ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะประสาทตึงเครียด
4. รู้สึกวุ่นวายใจ
5. ไม่อยากพบปะผู้คน
6. ไม่มีความสุข รู้สึกเศร้าหมอง
7. ปวดหัวข้างเดียวหรือปวดขมับ 2 ข้าง
8. รู้สึกหมดหวังในชีวิต
9. รู้สึกว่าชีวิตตนเองไร้คุณค่า
10. กระวนกระวายตลอดเวลา
11. ขาดสมาธิ
12. อ่อนเพลีย ไม่มีแรงที่จะทำอะไร
13. เหนื่อยหน่ายไม่อยากทำอะไร
14. ใจเต้นแรง
15. เสียงสั่น ปากสั่น มือสั่นเมื่อรู้สึกไม่พอใจ
16. กลัวผิดพลาดในการทำสิ่งต่างๆ
17. ปวดเกร็งบริเวณท้ายทอย หลัง ไหล่
18. ตื่นเต้นง่ายกับเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
19. มึนงง วิงเวียนศีรษะ
20. ความสุขทางเพศลดลง ขาดความใส่ใจในการดูแลตัวเอง
หากรวมคะแนนได้มากกว่า 17 คะแนน หมายความว่ามีความเครียดในระดับที่สูงกว่าปกติ ควรหาวิธีผ่อนคลายความตึงเครียด
แต่จากอาการที่เล่ามา เป็นความผิดปกติทางด้านอารมณ์ ซึ่งเป็นอาการหนึ่งของภาวะซึมเศร้าก็เป็นได้
ทำแบบประเมินภาวะซึมเศร้าด้วยตัวเอง ดูก่อนก็ได้ค่ะ โดยให้สำรวจอาการภายในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมารวมวันนี้มีอาการเหล่านี้มากน้อยเพียงใด โดยให้คะแนนแต่ละอาการดังนี้
ไม่มีเลย 0 คะแนน
มี 1-7วัน 1 คะแนน
มากกว่า 7 วัน 2 คะแนน
ทุกวัน 3 คะแนน
ลักษณะอาการในช่วง 2 สัปดาห์
1. เบื่อหน่าย ไม่สนใจอยากจะทำอะไร
2. ไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้
3. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
4. เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย
5. เบื่ออาหาร หรือ กินได้มาก กินจุบจิบตลอดเวลา
6. รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าล้มเหลว หรือคิดว่าทำให้ตนเองและครอบครัวต้องผิดหวัง
7. ขาดสมาธิ เหม่อลอย ขี้ลืมบ่อย
8. ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
9. คิดทำร้ายตัวเอง อยากตาย หรือตายไปจะดีกว่า
รวมคะแนน หากคะแนนรวมมากกว่า 7 คะแนนขึ้นไป ก็อาจเข้าข่ายโรคซึมเศร้าได้ค่ะ
ซึมเศร้ามีสาเหตุมาจากการหลั่งสารเคมีในสมองผิดปกติ ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีเรื่องหรือมีปัญหาที่กระทบกระเทือนจิตใจก็ได้ ซึมเศร้าสามารถเกิดได้กับคนทุกคนทั้งวัยเด้ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และสูงอายุ
เมื่อเป็นแล้วก็ต้องทำการรักษาตามแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งจิตแพทย์จะให้การรักษาด้วยยาต้านเศร้า ร่วมกับการทำจิตบำบัดตามสภาพปัญหาของผู้ป่วยแต่ละราย ในระหว่างทำการรักษาผู้ป่วยควรดูแลตัวเองด้วยการทานยาอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปรับยาเองไม่หยุดยาเอง หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นในระหว่างทานยาควรไปพบแพทย์ก่อนนัด และหมั่นออกกำลังกายและผ่อนคลายความตึงเครียดทางด้านจิตใจเป้นประจำ หากปฏิบัติได้ตามนี้อาการจะค่อยๆดีขึ้นตามลำดับสามารถปรับตัวใช้ชีวิต ไปเรียน ไปทำงานได้ตามปกติค่ะ แต่หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาหรือรักษาด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้โรคเรื้อรังรักษายาก และโรคอาจพัฒนารุนแรงจนถึงขั้นมีอาการทางจิตได้ ซึ่งถ้าถึงจุดนี้อาจต้องรักษาไปตลอดชีวิตก็มีค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
บางครั้งก็มีอาการคึกคักเฮฮาเป็นพิเศษมากกว่าปกติเวลาอยู่กับเพื่อนๆบางทีก็เงียบเก็บตัวไม่พูดคุย อารมณ์บางวันไม่เหมือนกัน ยิ่งเวลาอยู่คนเดียวจะหดหู่โดดเดี่ยวรู้สึกตัวเองไม่มีค่าคิดอยากฆ่าตัวตายบ่อยมากบางทีก็ร้องไห้หนักมากๆ น้ำหนักขึ้นๆลงๆ หงุดหงิดง่าย สันโดษมากกว่าเดิม ไม่ค่อยทำสิ่งที่ชอบทำอยู่บ่อยๆ เบื่อหน่ายหมดแรงอาการแบบนี้คือโรคอะไรครับแล้วควรพบแพทย์เพื่อรักษามั้ยครับ หรือเป็นแค่ภาวะของการเครียดเฉยๆ แล้วถ้ารักษาจะมีโอกาสหายขาดมั้ยครับ แล้วรักษายังไงบ้างค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)