August 12, 2018 15:11
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
1.เลือดที่ออก สามารถเป็นผลจากยาคุมฉุกเฉินได้ค่ะ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินค่ะ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติค่ะ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง
2.โอกาสตั้งครรภ์ของคนไข้น้อยอยู่แล้ว ถ้าใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง (การใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง ไม่ควรนำอวัยวะเพศชายสอดใส่ในอวัยวะเพศหญิงก่อนสวมถุงยางค่ะ ) โอกาสตั้งครรภฺต่ำกว่า 2% ค่ะ นอกจากนี้ ยิ่งคนไข้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปด้วย ยิ่งทำให้โอกาสการตั้งครรภ์ต่ำลงไปอีก ค่ะ จึงค่อนข้างสบายใจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ได้ค่ะ
**แม้จะเป็นวันที่ตกไข่ หากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องและทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินร่วมกันไปแล้ว โอกาสตั้งครรภ์น้อยมากๆค่ะ
**โดยทั้งนี้ หมอคิดว่า ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินอีกค่ะ
**ข้อแนะนำเพิ่มเติม คือ หากคนไข้ต้องมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ และมีความกังวลเรื่องการตั้งครรภ์มาก แนะนำให้ฝังยาคุมกำเนิดค่ะ ซึ่งเป็นวิธีที่ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีที่สุดในขณะนี้ืโดยโอกาสผิดพลาดเพียง 0.05% หรือ การใส่ห่วงคุมกำเนิด ซึ่งโอกาสตั้งครรภ์ ประมาณน้อยกว่า 1%ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ภก. ธีรศิลป์ โยมา (เภสัชกร)
ปกติการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง จะคุมกำเนิดได้ราวๆ 92-98% ครับ จากที่เล่ามามีโอกาสไปเป็นได้ที่เลือดที่ไหลออกจากช่องคลอดจะเกิดมาจากสาเหตุของการรับประทานยาคุมฉุกเฉินในวันที่ผ่านมาครับ กรณีนี้ไม่จำเป็นต้องทานยาคุมฉุกเฉินของการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 11 เพิ่มแล้วครับ สำหรับเลือดถ้ายังไหลเกิน 14 วัน อาจไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุของเลือดที่ไหลออกมาครับ
**หากยังมีความกังวล สามารถซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาทดสอบได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งที่คิดว่าจะตั้งครรภ์ไปแล้ว 14 วัน และให้ตรวจปัสสาวะแรกของวัน นั่นคือตอนเช้า ผลจะแม่นยำที่สุดครับ***
***แนะนำเพิ่มเติมว่า ถ้ามีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้ง อาจรับประทานยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนจะเหมาะกว่าครับการทานอย่างถูกวิธี มีประสิทธิภาพสูงในการคุมกำเนิดประมาน 99% ครับ ส่วนยาคุมกำเนอดฉุกเฉินมีประสิทธิภาพคุมกำเนิดได้เพียง 85% และประสิทธิภาพจะลดลงเมื่อทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วมากกว่า 24 ชั่วโมง
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เลือดที่ออกมามีทั้งสีแดงสด แล้วก็สีน้ำตาลคล้ำมากเลยนะคะ ไม่เป็นอันตรายรึอะไรใช่ไหมคะ?
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
เลือดที่ออกมาจากผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินไม่อันตรายค่ะ 1-2 วันก็จะหยุดเองค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
การฝังยาคุมกำเนิด ใช้เวลานานไหมคะ? ต้องนอนรพ.ด้วยไหมคะ?
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
ศุภลักษณ์ แซ่จัง (พว.)
การฝังยาคุมกำเนิด ใช้เวลาไม่นานค่ะ ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ขั้นตอนการฝังยา แพทย์จะฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณใต้ท้องแขนที่จะฝังยาเข้าไป และเปิดแผลเล็กๆให้สามารถสอดใส่แท่งยาเข้าไปได้ค่ะ จากนั้นแพทย์จะปิดแผล ลักษณะแผลเล็กไม่ใหญ่ 4-5 วัน ก็สามารถเปิดแผลได้ค่ะ หลังทำอาจปวดเล็กน้อย ทานยาแก้ปวดได้ตามแพทย์สั่งค่ะ
ไม่ต้องนอน รพ ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
ยาฝังคุมกำเนิด เป็นฮอร์โมนที่บรรจุในแท่งพลาสติกเล็กๆจำนวน 6 แท่ง ขนาดแท่งละ 3.4 x 0.24 เซนติเมตร(ซม) เช่น ยา Norplant® สามารถใช้ได้คุมกำเนิดได้ 5 ปี ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สะดวกขึ้นเหลือเพียงชนิดแบบ 1 แท่ง (Implanon®) ขนาดแท่งละ 4.0 x 0.20 ซม. คุมกำเนิดได้ 3 ปี และแบบ 2 แท่ง (Jadelle®) ขนาดแท่งละ 4.3 x 0.25 ซม. คุมกำเนิดได้ 5 ปี
>>การทำหัตถการ ใช้เวลาสั้นๆ ไม่เกิน 15-20 นาที ก็จะฝังยาเรียบร้อยค่ะ ไม่ต้องนอน รพ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สอบถามอีกนิดนะคะ จากการมีพสพ.ที่กล่าวไป ไม่ต้องกังวลและทานยาคุมฉุกเฉินอีกแล้วใช่ไหมคะ
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
ถ้าคนไข้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง ตามที่ได้กล่าวไป ไใ่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้วค่ะ เนื่องจากหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้อง ประสิทธิภาพของภุงยางอนามัย ดีกว่ายาคุมฉุกเฉินค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
จากวันที่6ได้มีพสพ.โดยป้องกันใส่ถุงยาง เช็คแล้วไม่มีการขาดรึรั่วใดๆ แต่ได้กินยาคุมแบบฉุกเฉินไปแล้ว กินอย่างถูกต้องกินเม็ดแรกภายในวันที่6 ตอน2ทุ่ม เต็มที่สองตอน8โมง และได้มีพสพ.อีกในวันที่8 ใส่ถุงยาง หลังเสร็จได้เช็คแล้วว่าไม่มีการขาดรึรั่ว แต่ไม่ได้กินยาคุม และเมื่อวันที่11ได้มีพสพ.อีกรอบ ใส่ถุงยางและเช็คหลังเสร็จว่าไม่มีการขาดรึรั่วใดๆ ไม่ได้กินยาคุมใดๆ (ใส่ถุงยางหลั่งนอกทุกครั้ง) แล้ววันนี้ได้มีเลือดออกเล็กน้อยบริเวณอวัยวะเพศ เป็นผลข้างเคียงจากการทานยาคุมฉุกเฉินของวันที่6รึเปล่าคะ? จากการมีพสพ.ที่กล่าวไป จะทำให้ตั้งครรภ์ไหมคะ? แล้วมีโอกาสกี่% ตอนนี้ค่อนข้างกังวล เพิ่มเติมนะคะในวันนี้เป็นวันตกไข่ด้วยค่ะ (มีแอปบันทึกแล้วรู้ค่ะ) อยากให้คุณหมอช่วยอธิบายเพราะจะได้สบายใจขึ้นค่ะ กังวลพอสมควรค่ะตอนนี้ รึควรทานยาคุมฉุกเฉินอีกในวันนี้คะ?
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)