July 27, 2019 16:42
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
แม้โอกาสจะไม่มาก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะไม่ตั้งครรภ์ 100% ครับเนื่องจากการนำอวัยวะเพศชายสอดใส่อวัยวะเพศหญิงก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ
ทั้งนี้ จะเสี่ยงมาก หรือน้อย ขึ้นกับหลายปัจจัยด้วย เช่น ประจำเดือนล่าสุดของคนไข้ การสอดใส่หลายครั้งไหม มีน้ำหล่อลื่นออกมาตอนสอดใส่ไหม เป้นต้นครับ
ดังนั้น หากไม่แน่ใจ และไม่ได้คุมกำเนิดโดยวิธีอื่นๆ ช่วย อาจจะต้องรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน โดยเร็วที่สุดครับ
โดยหากรับประทานภายใน 24 ชม แรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะเพิ่มประสิทธิภาพการคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% -90%
ถ้ากินภายใน 72 ชม ประสิทธิภาพได้ประมาณ 75% ครับ
และช้าสุดที่ 120 ชม ประสิทธิภาพ ของการป้องกันการตั้งครรภ์ยังพอมีอยู่ แต่ลดลงไปมากครับ
วิธีการคุมกำเนิดฉุกเฉินอีกวิธี ที่สามารถทำได้ หรือถ้าต้องการประสิทธิภาพการคุมกำเนิดมากขึ้น จะเปลี่ยนไปคุมกำเนิดโดยใช้ ห่วงอนามัยชนิดเคลือบสารทองแดงก็ได้ครับ
วิธีนี้ ประสิทธิภาพจะสูงกว่ายาคุมกำเนิดในช่วง 72-120 ชมครับ (สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ตั้งแต่ 0-120 ชมได้ดี และมีประสิทธิภาพประมาณ 99%) ครับ
อย่างไรก็ตาม หลังรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจมีผลข้างเคียงครับ
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติครับ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ส่วนอาการเลือดออก
กรณีของคนไข้ อาจเกิดจากบาดแผลหรือรอยถลอกที่เกิดขึ้นขณะมีเพศสัมพันธ์ครับอาจจะท่าทาง ความรุนแรง หรือช่วงที่ทำช่องคลอดแห้ง ก็อาจจะรอบถลอก ทำให้มีอาการแสบ เจ็บ หรือ มีเลือดออกได้ เลือดที่ออกได้บ้าง เล็กน้อย ครับ
แผลที่ฉีกขาดบริเวณช่องคลอด ถ้าเป็นไม่มาก สามารถหายได้เองครับ ไม่ต้องใช้ยา เนื่องจากบริเวณช่องคลอดเป็นบริเวณที่มีเลือดมาเลี้ยงมาก แผลจึงหายเร็วค่ะ
วิธีปฏิบัติเบื้องต้นเมื่อมีช่องคลอดเป็นแผลหรือฉีกขาดเล็กน้อย
1.รักษาความสะอาด การล้างทำความสะอากช่องคลอด ไม่ควรสวนล้างบ่อยๆ
2. ซักทำความสะอาดเสื้อชั้นในและกางเกงในทุกครั้งหลังใช้ ตากให้แห้งไม่อับชื้น
3. ไม่สวมใส่กางเกงที่คับแน่นมากเกินไป
4.ช่วงนี้ควรมีเพศสัมพันธ์อย่างนึ่มนวลมากขึ้น
5.ไม่ไปล้วงแคะแกะเกาบ่อยๆ
6.หากมีอาการ เช่น เจ็บมาก ช่องคลอดบวมแดง มีเลือดออกมาก มีตกขาวผิดปกติ มีไข้ ควรไปรพ เพื่อตรวจร่างกาย และตรวจภายในเพิ่มเติม เนื่องจาก อาจมีแผลใหญ่ข้างในที่เรามองไม่เห็น ที่ต้องเย็บซ่อมโดยแพทย์ หรือมีการ ติดเชื้อ ซ้ำซ้อนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
1.เรื่องแผล ถ้าเลือดออกเเล้วหยุดเอง ก็น่าจะไม่เป็นไรครับ เเต่ถ้าเลือดไหลตลอด ปวดช่องคลอดมาก ควรพบเเพทย์ครับ
2.เรื่องโอกาสตั้งครรภ์
การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ใส่ถุงยางเเม้ไม่ได้หลั่ง/หลั่งนอก แต่ถ้ามีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีโอกาสท้องครับ เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ครับ
......
ก่อนหน้าการมีเพศสัมพันธ์รอบนี้ ถ้าไม่ได้กินยาคุมหรือฉีดยาคุม\ฝังยาคุมอยู่ก่อนเเละยังไม่เกิน120ชม. นับจากการมีเพศสัมพันธ์
ครั้งนี้ให้พิจารณายาคุมฉุกเฉินครับ (ถ้าช้าจาก 120 ชม.กินยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ทันเเล้วครับ)
......
- ถ้าก่อนหน้านี้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ มีเพศสัมพันธ์ช่วง ก่อน7วันถึงหลัง7วัน นับจากวันที่ประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นระยะปลอดภัย ไม่มีไข่ตก โอกาสท้องน้อยมาก ก็อาจไม่ต้องกินยาคุมฉุกเฉินก็ได้ครับ ก็ให้รอประจำเดือนรอบถัดไปเลย ถ้ามาตามรอบก็คือไม่ท้องครับ
......
- เเต่ถ้าเดิมประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ กะเวลาตกไข่ยาก หรือมีเพศสัมพันธ์ไม่ไ้ป้องกันช่วงที่ไม่ใช่ระยะปลอดภัย โดยเฉพาะ14วันนับจากประจำเดือนมาวันเเรก จะเป็นช่วงไข่ตก โอกาสท้องจะมากกว่า กรณีนี้เเนะนำยาคุมฉุกเฉินครับ
............
ยาคุมฉุกเฉินซื้อได้ตามร้านขายยา ถ้ายังไม่เกิน 72 ชม (บางตำราให้120ชม) ก็ถือว่ายังมีประสิทธิภาพครับ.
หลังรับประทานยาจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ไปตรวจการตั้งครรภ์ครับ
ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉิน ชนิด 2เม็ด เช่น Postinor หรือ Madonna ได้สองวิธี
1.รับประทานทันที 2 เม็ด
2.รับประทาน 1 เม็ดทันที เเละรับประทาน เม็ดต่อไป ในอีก 12 ชม.
สองวิธีประสิทธิภาพไม่เเตกต่างกัน (หรือชนิด 1 เม็ด เช่น Maple forte ก็กินเม็ดเดียวไปเลยครับ)
วิธีเเรกสะดวก แต่อาจเกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากกว่า
วิธีที่สอง อาการคลื่นไส้อาเจียนน้อย เเต่ต้องดูเวลาดีๆ ครับ
.............
หากอาเจียนภายใน 2 ชม.หลังกินยา ต้องกินใหม่นะครับ เพราะยายังไม่ได้ดูดซึม
หากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินภายใน 12-24 ชม.แรกของการมีเพศสัมพันธ์ จะคุมกำเนิดได้ประมาณ 85% รับประทานภายใน 72 ชม. ประมาณ 75%
ส่วนถ้าเกิน 72 ชม.แต่ยังไม่เกิน 120 ชม. จะประมาณ 60% ครับ
สรุปคือยิ่งรับประทานช้า จะยิ่งมีโอกาสท้องครับ
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา
หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
3.เรื่องโรคติดต่อ ถ้าไม่ใส่ถุง ก็มีโอกาสติดโรคได้ตั้งเเต่ ซิฟิลิส หนองใน HIV ไวรัสตับอักเสบ เป็นต้นครับ
หลังจากมีพฤติกรรมเเสี่ยงประมาณ 5-7 วัน ก็สามารถไปตรวจได้ครับ เช่นที่ คลินิคนิรนาม
หรือ รพ รัฐ เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ตรวจได้เกือบหมดครับ
ถ้าหากยังไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์ก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อขอรับยาต้านไวรัสHIVมารับประทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อก่อนได้ครับ........
โดย หลังจากได้รับเชื้อ ในช่วงแรก สารพันธุกรรมของไวรัส (RNA และ DNA) ก็แบ่งตัวจะขยายจำนวนเพิ่มขึ้นจนมากพอที่เราสามารถใช้เทคนิคที่เรียกว่า NAAT (nucleic acid amplification testing) ตรวจได้หลังมีพฤติกรรมเสี่ยง 5-7 วัน
อาจใช้เวลา 1-2 วันรอผลครับ แล้วเเต่ที่
........
หลังจากนั้นจะมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย เช่น ตรวจหาAntigen(p24) Antibodyซึ่งคือภูมิคุ้มกันที่ร่างกายมีต่อเชื้อ(Anti HIV) ซึ่งมักตรวจได้หลังรับเชื้อประมาณ 1 เดือนขึ้นไป(ถ้าเป็นน้ำยา4th genจะตรวจเจอได้เร็วกว่า) โดยทั่วไปเเนะนำว่าจะเจอหลังติดเชื้อ3เดือน (พ้นระยะฟักตัว) อันนี้รู้ผลเร็วภายในวันนั้นเลยครับ
........
กรุงเทพมหานครสามารถรับบริการตรวจเอชไอวีฟรีได้ที่
• ตรวจฟรีไม่ต้องแจ้งหมายเลขบัตรประชาชน
- โรงพยาบาลบางรัก
- คลีนิคนิรนาม สภากาชาดไทย
- คลินิกชุมชนสีลม @ทรอปเมด
- คลินิกพิเศษของศูนย์ดรอปอิน
- คลินิกพิเศษฟ้าสีรุ้ง ซอยรามคำแหง 87
• ตรวจฟรีแต่ต้องแจ้งหมายเลขบัตรประชาชน ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งทั่วไป
ในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ สามารถรับบริการตรวจเอชไอวีได้ที่
- โรงพยาบาลรัฐทั่วไป (ตรวจฟรีโดยแจ้งเลขบัตรประชาชน)
- โรงพยาบาลหรือคลินิกเอกชน (เสียค่าใช้จ่าย)
............
ต่างจังหวัด
• ตรวจฟรีโดยแจ้งหมายเลขบัตรประชาชน ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือแฟนเปิดซิง แต่พอเจ็บก็เอาออก แต่พอเช็ดมันมีเลือดออก จะเสี่ยงมั้ยค่ะ ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)