August 18, 2019 16:12
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
ยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลป้องกันหลังจากนั้นครับ ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่ และไม่มีการป้องกัน มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การมีเพศสัมพันธ์ในวันศุกร์มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ตามผลป้องกันของยาคุมฉุกเฉิน
แต่ยาคุมฉุกเฉินไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทานค่ะ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันใด ๆ ในวันนี้จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ตามปกติ คือ 85% นะคะ
ดังนั้น แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินทันทีในตอนนี้ หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงค่ะ
หากใช้ครบขนาดและทันเวลา ก็อาจลดความเสี่ยงดังกล่าวลงมาเป็น 15 - 25% ได้นะคะ
จากนั้น แนะนำให้งดมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน แล้วรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ ซึ่งหากไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ
ไม่ต้องสนใจว่าจะมีเลือดกะปริบกะปรอยภายใน 7 วันนี้หรือไม่นะคะ เพราะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยา ไม่ได้สำคัญอะไร
ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน
และต่อไป หากจะมีเพศสัมพันธ์อีก ถ้าไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีใด ๆ อยู่ และยังไม่พร้อมจะมีบุตร ควรให้แฟนใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งนะคะ เพราะถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ซึ่งถือว่าน้อยมาจนไม่น่าจะกังวล และยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ก่อนรับประทานยา 120 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าหากได้มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันอีกหลังจากรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้สูงครับ
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหายาคุมฉุกเฉินมารับประทานอีกครั้งให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
และในครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรมีการป้องกันทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
สุวพัชญ์ พิศาลมงคล (นพ.)
แนะนำให้คุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นๆในการมีเพศสัมพันธ์ครั้งต่อๆไปครับ เนื่องจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ใช่วิธีที่มีประสิทธิภาพที่ดีครับ
การคุมกำเนิดมีหลายวิธีครับ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีประสิทธิภาพแตกต่างกันออกไป เช่น
- ยาฝังคุมกำเนิด โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.05
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.1
- การทำหมันถาวรชาย-หญิง โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.1-0.5
- ห่วงคุมกำเนิดชนิดทองแดง โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.5
- ยาฉีดคุมกำเนิด 0.3-3
- ยาเม็ดคุมกำเนิด โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.3-8
- แผ่นฮอร์โมนปิดผิวหนัง โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 0.3-8
- ถุงยางอนามัย โอกาสการตั้งครรภ์ร้อยละ 2-15
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอนวันศุกมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันแล้วกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว พอมาวันอาทิตย์ก็มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันอีก จะมีโอกาสท้องไม่คะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)