October 10, 2018 19:54
ตอบโดย
พิมพกา ชวนะเวสน์ (สูตินรีแพทย์)
ประจำเดือนปกติ จะมีลักษณะดังนี้ค่ะ
1. มาสม่ำเสมอ ทุก 24-35 วัน โดยส่วนใหญ่ จะมาทุก 28 - 30 วันค่ะ
2. มาครั้งละ 3-7 วันค่ะ
3. ใช้ผ้าอนามัย วันละ ประมาณ 2-3 แผ่นค่ะ
4. มีอาการปวดท้องน้อยได้เล็กน้อย ช่วงวันแรกๆ ไม่ปวดรุนแรง
ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ โดยสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อย คือ เกิดจากภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรังค่ะ เมื่อไข่ไม่ตก เมนส์ก็ไม่มา บางครั้งมีเศษของเยื่อบุโพรงมดลูกหลุดออกมา (แต่ไม่ใช่ประจำเดือน) ก็จะมีลักษณะเป็นเลือดออกกระปริยกระปรอย หรือเป็นเลือดสีดำๆได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม อันนี้เป็นแค่สาเหตุที่พบส่วนใหญ่นะคะ การจะรู้ได้แน่นอน ต้องได้รับการตรวจภายใน ตรวจอัลตราซาวด์ หรือบางรายตรวจเลือดร่วมด้วย เพื่อหาสาเหตุก่อนค่ะ และรักษาตามสาเหตุ
บางสาเหตุ อย่างไข่ไม่ตกเรื้อรัง ใช้การรักษาด้วยยาฮอร์โมนได้ค่ะ แต่บางสาเหตู อาจต้องตรวจเพิ่มเติม และรักษามากกว่านั้น
กรณีของคุณ ยังอายุน้อย รับประทานยาคุม แล้วประจำเดือนมาปกติ ประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ น่าจะเกิดจาก ฮอร์โมนแปรปรวน ไข่ไม่ตกค่ะ สามารถรักษาต่อด้วยยาคุุมได้ และควรออกกำลังกาย ลดน้ำหนักด้วยค่ะ
อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ไปพบแพทย์ สม่ำเสมอ ตามแพทย์นัดนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ประจำเดือนยังไม่มาค่ะอยากทราบสาเหตุและวิธีแก้ไขค่ะ คือก่อนหน้านี้เคยประจำเดือนไม่มา3-4เดือนค่ะแล้วไปพบหมอแล้ว หมอบอกว่าเกิดจาก นน.ตัวที่อาจมากเกินไป หมอเลยให้ยามาทานค่ะเป็นยาคุมกำเนิด ให้ทาน3เดือน แต่ทานไปได้แค่2เดือนค่ะ เนื่องจากไม่ได้ไปรับยาช่วงเดือนที่3 ทำให้ทานยาไม่ครบ3เดือนที่หมอให้ลองทานดูอ่ะค่ะ ซึ่งตอนนี้ก็หมดเดือนที่3ไปแล้วค่ะขึ้นเดือนใหม่แล้วก็คือตุลานี้ค่ะ แต่ประจำเดือนก็ยังไม่มาค่ะ อยากทราบว่าเป็นผลมาจากการหยุดยาคุมหรือป่าวคะ แล้วควรซื้อยาคุมมาทานเองไหมคะ หรือรอไปก่อนให้มดลูกปรับตัว (ปล.ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ค่ะ) อายุ16 ค่ะ ก่อนหน้าไปหาหมอก้มีประจำเดือนขาดบ่อยค่ะแต่ไม่นานแค่1-2เดือน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)