December 14, 2018 15:15
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ในเบื้องต้นอาการของโรคซึมเศร้าก็มักจะต้องมีลักษณะอาการตามด้านล่างนี้ประมาณ 3-5 อาการอย่างน้อย 2 สัปดาห์ขึ้นไปครับ ถ้ามีอาการตามนี้ก็อาจจะหมายความว่าค่อนข้างมีโอกาสที่จะมีภาวะโรคซึมเศร้าได้ครับ
- รู้สึกหมดหวัง ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปหรือจะทำไปเพื่ออะไร
- ไม่มีความสุขกับสิ่งของหรือกิจกรรมที่ชอบ เช่น รู้สึกเบื่อหน่ายอาหารโปรดหรือการร่วมเพศ
- น้ำหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นเร็วมากอันเนื่องมาจากการรับประทานอาการที่ไม่เหมือนเดิม
- นอนไม่หลับมาเป็นระยะเวลานาน แต่ในผู้ป่วยบางรายก็นอนนานผิดปกติ
- มีอาการเครียด หงุดหงิดง่ายขึ้น ไม่รู้สึกผ่อนคลาย
- ไม่มีสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทำได้เลย บางครั้งก็แสดงอาการหลงๆลืมๆ และใช้เวลานานในการตัดสินใจ
- มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ช้าลง รวมถึงการพูด เพราะรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแรง
- รู้สึกอยากฆ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตาย บางครั้งผู้ที่มีอาการนี้ก็ไม่รู้ตัวเอง
ซึ่งหากตัวคุณมีความสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโรคซึมเศร้า สามารถทำแบบประเมินโรคซึมเศร้าได้ตามลิ้งด้านล่างนี้ครับ ก็น่าจะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นในเชิงของแนวโน้มของการมีภาวะโรคซึมเศร้า
http://www.prdmh.com/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B6%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2-9-%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1-9q.html
แต่อย่างไรก็ตามผมมองว่าความรู้สึกของคุณตอนนี้ก็ค่อนข้างที่จะอยู่ในความสับสน และไม่รู้ว่าตนเองจะใช้ชีวิตไปเพื่ออะไรหรือเปล่าครับ อาจจะมีในเรื่องของความไม่ไว้ใจคนอื่น และรู้สึกว่าตนเองไม่มีใคร อยากจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องผิดนะครับที่จะรักตนเองและจบความสัมพันธ์เมื่อเรารู้สึกว่าเขาไม่ได้รักเรา หรือเราไม่ได้รักเขาแล้ว ซึ่งผมคิดว่าการได้เข้ามาลองพูดคุยกับนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ ก็อาจจะทำให้การใช้ชีวิตให้ผ่านไปแต่ละวันของคุณง่ายขึ้นได้นะครับ
นอกจากนั้นแล้ว อยากให้ลองดูแลตนเองในเรื่องการนอนหลับนะครับ การทานเยอะก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ก็ต้องพยายามให้มีโภชนาการที่ครบถ้วน 5 หมู่ด้วย การใช้แอลกอฮอลเข้าช่วย พยายามอย่าใช้เยอะนะครับเพราะในระยะยาวอาจจะทำให้เกิดอาการเสพติด และอาจจะทำให้นอนไม่หลับได้หากไม่ได้ใช้ อย่างไรก็ตามไม่อยากให้กังวลในเรื่องของโรคนะครับ แต่อยากให้มองว่าการที่เข้ามารับบริการจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยทำให้คุณสามารถใ้ช้ชีวิตได้ในอย่างที่คุณอยากใช้ และอย่างน้อยที่สุดผมคิดว่าการช่วยให้คุณได้ผ่านพ้นในแต่ละวันไปได้ง่ายขึ้นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่คุณสามารถตั้งเป้าหมายจากการเข้ารับบริการได้ครับ ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ถ้ามีคำถามเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขอสอบถามอีกเรื่องนึงค่ะ ถ้าจะไปหาหมอต้องมีผู้ปกครองไปด้วยรึป่าวคะ แล้วโรงบาลทั่วไปมีแผนกจิตเวชหมดทุกที่รึป่าวคะ ขอบคุณค่ะ
ขอสอบถามอีกเรื่องนึงค่ะ ถ้าจะไปหาหมอต้องมีผู้ปกครองไปด้วยรึป่าวคะ แล้วโรงบาลทั่วไปมีแผนกจิตเวชหมดทุกที่รึป่าวคะ ขอบคุณค่ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทั้งหมด อาจเกิดจากปัญหาการปรับตัว หรือความผิดปกติทางบุคลิกภาพ มีการใช้กลไกทางจิตที่ไม่เหมาะสม และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตได้
และจากอาการที่หนูกล่าวมา อาจมีแนวโน้มของภาวะซึมเศร้าได้เนื่องจากมีอาการต่อเนื่องนาน 2 ปี ซึ่งอาจไม่ใช่ความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดจากความแปรปรวนของฮอร์โมนนะคะ
เบื้องต้นทำแบบประเมินซึมเศร้าด้วยตัวเองดูก่อนนะคะ โดยในช่วงระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้มีอาการเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน
ไม่มีเลย 0 คะแนน
มี 1-7 วัน 1 คะแนน
≥7 วัน 2 คะแนน
ทุกวัน 3 คะแนน
1. เบื่อหน่าย ไม่สนใจอยากจะทำอะไร
2. ไม่สบายใจ ซึมเศร้า ท้อแท้
3. หลับยาก หลับๆตื่นๆ หรือหลับมากเกินไป
4. เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง อ่อนเพลีย
5. เบื่ออาหาร หรือ กินได้มาก กินจุบจิบตลอดเวลา
6. รู้สึกไม่ดีกับตัวเอง คิดว่าล้มเหลว หรือคิดว่าทำให้ตนเองและครอบครัวผิดหวัง
7. ขาดสมาธิ เหม่อลอย ขี้ลืมบ่อย
8. ทำอะไรช้าลง กระสับกระส่าย อยู่นิ่งไม่ได้
9. คิดทำร้ายตัวเอง อยากตาย หรือตายไปจะดีกว่า
จากนั้นรวมคะแนน หากได้มากกว่า 7 คะแนนขึ้นไป อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นซึมเศร้าได้ค่ะ แนะนำให้พบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางโรคจะช่วยให้อาการดีขึ้น ปรับตัวได้มากขึ้น ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติอีกครั้งนะคะ
การไปพบจิตแพทย์หากหนูสามารถบอกเล่าอาการ หรือ ให้ประวัติได้ด้วยตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้ปกครองไปด้วยค่ะ ส่วนใหญ่ รพ.ประจำจังหวัดจะมีแผนกจิตเวชทุก รพ.แล้วนะคะ ยังไงลองติดต่อขอรับบริการใน รพ.ตามสิทธิ์ก่อนนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ เราอายุ 22ปี ช่วงประมาณ 2 ปีที่ผ่านมารู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว เบื่อมากๆ มันกลายเป็นคนไม่มีความรู้สึกค่ะ ก่อนหน้านี้เคยมีแฟนแล้วก็เลิกไปเพราะอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเราเอง หลังจากนั้นมาพอมีคนเข้ามาก็เริ่มไม่คบใครอีกแล้วอยากอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียวมากกว่า บอกได้เลยว่าอาการที่เป็นไม่เกี่ยวกับความรักหรือเลิกกับแฟนเลย เราไม่เคยรักใครเท่าตัวเองหรือจะเรียกว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่รักเค้าหรือเค้าไม่นักเราเหมือนก่อนเราจะเลิกคบเลย มันเป็นความรู้สึกที่ไม่รุ้สึกอะไรเลยค่ะ ไม่ทุกข์ไม่สุขไม่เจ้บไม่เหงาไม่เศร้าไม่อะไรเลย ใช้ชีวิตไปวันๆให้มันผ่านๆไป กว่าจะผ่านไปแต่ละวันยากมากๆเลยค่ะ ตอนเช้าตื่นมาคิดทุกวันว่าทำไมตัวเองยังไม่ตายซักที อยากฆ่าตัวตายนะคะแต่ไม่เคยพยายามเพราะกลัวไม่ตายแล้วต้องมาเป้นภาระคนอื่น ชีวิตไม่เคยมีกรอบอะไรเลยพ่อแม่ค่อนข้างปล่อยให้ใช้ชีวิตตามใจเรา อยากได้อะไรให้ เมื่อก่อนก็มีความรู้สึกอยากได้นั้นนี่แต่เดี่ยวนี้ไม่อยากได้อะไรซักอย่าง อะไรที่เคยทำแล้วมีความสุขเดี่ยวนี้ก็ไม่ใช่แล้ว กินอาหารปกติ กินเยอะมากๆด้วยแต่ไม่อ้วน เราสุง 163ซมแต่หนักแค่ 43 กก. นอนไม่ค่อยหลับบางวันนอนไม่ถึง 3 ชั่วโมง เราเลยใช้แอลกอออล์เข้าช่วยเพราะทำให้หลับสบายขึ้น เข้าสังคมได้แต่ชอบอยู่บ้านมากกว่า เคยอ่านมาว่าอาการประมาณนี้จะเข้าข่ายโรคซึมเศร้า แต่บางอย่างก็ไม่ตรงกับเรา เราเลยสงสัยว่าเราควรไปหาจิตแพทย์มั้ย เพราะถ้าเป็นแค่ฮอร์โมนของคนอายุเท่านี้เราจะได้ไม่ไปค่ะ รบกวนหน่อยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)