สวัสดีคุณหมอค่ะ หนุมีอาการคุมอารมตัวเองไม่อยู่ ไม่เข้าใจกับความรุ้สึกตัวเอง บางครั้งดูคริปแข่งรถอยุ่แรกๆกะหัวเรอะสนุกอีกสักแปบกะอยากจะร้องไห้ใจหวั่นๆอยากร้อง บางครั้งคิดไปไกลต่างๆนาๆจนร้องไห้ทำร้ายตัวเองเช่นตีตัวเองหยิกตัวเองหรืออื่นๆ และกลัวว่าจะไม่มีใครรัก รุ้สึกวังเวงตอนอยุ่คนเดียว และบ้างครั้งกะมีอาการอารมร้อนงุดงินมากทุกครั้ง. หนุควรไปหาหมอไหมค่ะ หรือว่าเป้นอาการของหนุที่คิดไปเองหรือยังไงค่ะหมอ

สวัสดีครับ
อาการตามที่เล่ามานี้อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ

อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ

ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ

http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html

ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น

หมอแนะนำว่าในกรณีนี้ควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมยืนยันสาเหตุให้แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

สวัสดีครับ

ผมคิดว่าอาการที่เล่ามาไม่น่าจะเแ็นการคิดไปเองนะครับ นี้อาจจะเป็นสัญญาณมากกว่าว่าตอนนี้จิตใจของคุณกำลังต้องรับมือหับความเครียด ความกดดัน หรือแม้กระทั่งความวิตกกังวลที่มีสาเหตุหรือไม่มีสาเหตุ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผลกระทบกับคุณอย่างมาก และผมคิดว่าการเข้ารับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาก็เป็นทางเลือกที่น่าจะช่วยเหลือคุณได้บ้างครับ

นอกจากนั้นการหันกลับมาดูแลตนเองให้มากขึ้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน โดยคุณสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความวิตกกังวลและความกลัวลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวครับ

สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งในเรื่องของอารมณ์ที่เกิดขึ้น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ ขอเป็นกำลังใจให้คุณผ่านพ้นช่วงเวลาตรงนี้ไปนะครับ และหากมีคำถามอื่นๆเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ

ถ้าหากทำแบบทดสอบแล้วได้ 18 คะแนนก็ถือว่ามีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้สูง แต่การเป็นโรคซึมเศร้านั้นไม่ได้หมายถึงการเป็นบ้าครับ

โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่เกิดจากการทำงานของสารในสมองที่ผิดปกติไปจากเดิม ร่วมกับอาจมีปัจจัยจากภายนอกบางอย่างเข้ามากระตุ้น ทำให้เกิดอารมณ์เศร้าขึ้นมามากกว่าปกติโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ครับ ซึ่งถ้าหากได้รับการรักษาด้วยยาเพื่อช่วยปรับการทำงานของสารเคมีในสมองอย่างเหมาะสมก็จะมีโอกาสทำให้อาการดีขึ้นจนหายเป็นปกติได้ครับ

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการยืนยันสาเหตุให้แน่ชัดก่อนครับ

จากอาการที่เล่ามามีแนวโน้มที่จะเป็นซึมเศร้าได้นะคะ

ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ทำให้การรับรู้ ความคิด การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม หากเจอปัญหาหรือมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น

อาการของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง

หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้าควรพบจิตแพทย์ทันที ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม

การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิดอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆได้เหมาะสม ร่วมกับการทำจิตบำบัด จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจทำให้ปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ

ในระหว่างทำการรักษา ควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นนะคะ

ไม่ใช่บ้าหรอกครับ ผมคิดว่าการด่วนสรุปแบบนั้นอาจจะดูขาดความเป็นจริงไปซักหน่อย บางครั้งความเครียด ความกดดัน การไม่ได้รับการตอบสนอง หรือแม้กระทั่งนิสัยดั่งเดิมบางอย่างนี้อาจจะเป็นตัวก่อให้เกิดอารมณ์เหล่านี้ขึ้นมาเมื่อมีเรื่องอะไรมากระทบ และด้วยความเคยชินในการจัดการกับอารมณ์ในแบบเดิมๆ ก็เลยทำให้เรามีพฤติกรรมโยนความโกรธไปให้คนอื่นหรือแม้กระทั่งการทำร้ายตนเองนะครับ

ผมคิดว่าเมื่อมาถึงจุดนี้อาจจะต้องลองทบทวนเรื่องการเข้ารับการช่วยเหลือจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาดูนะครับ เพราะว่าหากปล่อยไว้ก็อาจจะทำให้มีบาดแผลทั้งทางจิตใจและร่างกายเพิ่มขึ้นได้ครับ แต่ผมคิดว่าหากมีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองแล้วตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับการหาวิธีการทีเหมาะสมกับตัวคุณ และเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆครับ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ