September 24, 2018 14:06
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ สำหรับการปวดท้อง ตรวกลางท้อง ใต้สะดือ สามารถเป็นได้หลากหลายค่ะ ตั้งแต่ การติดเชื้อที่ทางเดินอาหาร ทำให้มีท้องเสีย ถ่ายเหลว อาเจียนร่วม หรือ กระเพาะอาหารอักเสบ ก็ทำให้มีการปวดท้องตรวกลางได้ค่ะ
หรือ โรคทางระบบสืบพันธ์สตรี เช่น อาการก่อนปวดประจำเดือน มดลูกอักเสบ ปีกมดลูกอับเสบ ก็ทำให้ปวดบริเวณดังกล่าวได้ หรือ แม้กระทั่ง การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ คนไข้ อาจมีอาการปวดท้อง ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะขุ่น ร่วมด้วยได้ ซึ่งต้องแยกโรคให้ขัดเจน กับไส้ติ่งอักเสบ เนื่องจากการรักษา จะแตกต่างกันมากค่ะ
>>สำหรับอาการที่กังวลใจ คือ ไส้ติ่งอักเสบ ยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนตอนนี้ค่ะ ว่าคนไข้เป็นไส้ติ่งอักเสบหรือไม่ ต้องอาศัยอาการอื่นๆ และการตรวจร่างกายประกอบหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่อง ก้อน ที่คลำได้ จะต้องได้รับการตรวจร่างกายโดยแพทย์ ว่าก้อนนั้น เกิดจากอวัยวะใดค่ะ
อาการของไส้ติ่งอักเสบ คือ มีไข้ ปวดท้อง อาจจะเริ่มปวดที่รอบสะดือ จากนั่น ย้ายมาปวดขวาล่าง คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายเหลว เบื่ออาหารค่ะ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น อาการสำคัญคือ ควรจะต้องมีไข้ร่วมด้วยนะคะ
ถ้าอาการปวดมาก แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพิ่มเติม และถ้าสงสัยไส้ติ่ง อาจต้อง ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และอาจมีการตรวจภาพถ่ายช่องท้อง เช่น ultrasound หรือ ct ค่ะ ถ้าอาการไม่ชัดเจน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
อาการของไส้ติ่งนั้นอาการปวดท้องและตำแหน่งที่กดเจ็บจะอยู่ที่บริเวณท้องน้อยข้างขวา โดยอาจมีอาการปวดท้องรอบๆสะดืทั่วๆนำมาก่อนได้ครับ และก็อาจมีอาการร่วม ได้แก่ มีไข้ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน
อย่างไรก็ตามอาการปวดท้องน้อยนั้นก็ยังเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆได้อีกครับ เช่น
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ มักมีอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะไม่สุดร่วมด้วย
- ลำไส้อักเสบ มักมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลวร่วมด้วย
- อุ้งเชิงกรานอักเสบ มักมีอาการตกขาวเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดร่วมด้วย
- การตั้งครรภ์นอกมดลูก มักมีประวัติว่าขาดประจำเดือนหรือมีการตั้งครรภ์อยู่เดิม ร่วมกับมีอาการปวดท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่ง และอาจมีอาการเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดร่วมด้วย
หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมดูก่อนครับ การที่จะวินิจฉัยอาการปวดท้องให้ได้แน่ชัดนั้นจำเป็นต้องอาศัยการตรวจร่างกาย รวมถึงอาจต้องตรวจเลือดและปัสสาวะร่วมด้วย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มีอาการแบบที่เขาถามไปข้างบนแล้วมีปวดเอวร้าวลงมาถึงขาขวาและขาหนีบด้วยค่ะจะอันตรายรึป่าวค่ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
อาการปวดในช่องท้อง อาจมีอาการปวดร้าวลงมาที่เอว หรือขาหนีบได้ เนื่องจากเส้นประสาทรับความรู้สึกที่เลี้ยงอวัยวะภายในนั้น มาจากบริเวณเดียวกันค่ะ เช่น โรคกรวยไตอักเสบ ติดเชื้อ คนไข้มักมีอาการปวดหลัง ปวดท้อง ปวดขาหนีบได้ ซึ่งพบได้ร่วมกันบ่อยๆค่ะ ดังนั้น อาการดังกล่าว อาจเป็นอันตรายได้ แนะนำว่าควรไปตรวจร่างกายและตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
มีอาการเวลาทานอาหารเเล้วเหมือนกลืนไม่ลงทานเข้าไปเหมือนติดอยู่ที่คอแล้วจุกที่อกค่ะอยากทราบว่าเกี่ยวกับความเครียดไหมค่ะหรือว่าเป็นโรคอะไร
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
อากากลืนอาหารและจุกอยู่ที่บริเวณคอนั้นอาจเกิดได้จากปัญหาในการกลืนจากเส้นประสาทที่ทำงานผิดปกติ กรดไหลย้อน ไปจนถึงสาเหตุจากเนื้องอกหรือมะเร็งในกระเพาอาหารครับ
อย่างไรก็ตามอาการที่น่าให้ความสำคัญมากที่สุดในตอนนี้ควรจะเป็นอาการปวดท้องน้อยมากกว่าครับ หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหาสาเหตุดูก่อนเพราะอาจเกิดจากสาเหตุที่เป็นอันตรายได้ การใช้ข้อมูลจากอาการเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะให้การวินิจฉัยที่แน่นอนได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
อาการแบบนี้เป็นได้หลายอย่างค่ะ ที่พบบ่อยสุดคือ แผลในกระเพาะอาการ/กระเพาะอาหารอักเสบ อาจมีอาการปวดบริเวณด้านซ้ายหรือลิ้นปี่บ่อยๆ อาจปวดบีบๆ หรือจุกๆได้ค่ะ อาจเป็นก่อน หรือ หลังทานข้าวก็ได้ ซึ่งจากอาการของคนไข้ คิดถึงภาวะนี้ได้บ่อยที่สุดค่ะ
2.โรคกรดไหลย้อน ซึ่งจากอาการของคนไข้ คิดถึงภาวะนี้ได้บ่อยที่สุดค่ะ อาการร่วมด้วยที่อาจจะเป็นเช่น ปวดท้อง อาจจะแน่นท้องใต้ลิ้นปี่ หรือ แสบร้อนใต้ลิ้นปี่ เรอบ่อย บางคนเรอแล้วเหมือนมีอาการของอาหารไหลขึ้นมาด้วย
*ซึ่งความเครียด พักผ่อนน้อย ทานอาหารไม่เป็นเวลา จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการโรคกระเพาะ หรือ หรดไหลย้อนได้ค่ะ
การรักษาเบื้องต้น คือ การใช้ยา โดยทั่วไป ยาสามัญประจำบ้านที่คนไข้สามารถซื้อเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยา alum milk , ยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน , simeticone เป็นต้นค่ะ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์ค่ะ
>>ซึ่งหลังจากพบแพทย์แล้ว การรักษา คือ การให้ยาลดกรด เช่น omeprazole , pantoprazole เป็นต้น และให้ร่วมกับยาช่วยการเคลื่อนไหวของลำไส้ เช่น domperidone ซึ่งควรให้สองตัวร่วมกัน ซึ่งจะรักษา เพื่อดูการตอบสนองต่อยา ร่วมกับการปรับวิถีชีวิตประจำวัน อย่างน้อย 8สัปดาห์
>>หากทานยาและปรับวิถีชีวิตประจำวันครบ 8สัปดาห์แล้วยังปวดท้องอย่างต่อเนื่อง อาจมีประโยชน์ที่จะส่องกล้องกะเพาะอาหาร และทำการทดสอบการติดเชื้อ หรือส่งชิ้นเนื้อไปตรวจค่ะ การรักษาในขั้นต่แไป อาจจะเพิ่มยา เช่น ยาฆ่าเชื้อทานต่อเนื่อง หรือรักษาตามสาเหตุที่พบจากการส่องกล้องค่ะ
นอกจากนี้ ควรปรับพฤติกรรมต่างๆ ด้วย ได้แก่ การปรับชีวิตประจำวัน ควรปรับเรื่อง อาหาร และวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการกินค่ะ
-อาหาร ควรเป็นอาหารที่ไม่รสจัด ไม่มัน ไม่หวานจัดเผ็ดจัดเค็มจัด
-ลดของหวานของมัน อเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์และ คาเฟอีนค่ะ
-รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
-หลังกินควรยกหัวสูง คือไม่นอนทันทีค่ะ อย่างน้อย 1-3 ชม
-หากมียาที่มีผลข้างเคียงที่รับประทานเป็นประจำ ทำให้ปวดท้อง เช่น ยาแก้ปวดแอสไพริน ควรปรึกษาแพทย์ ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
พอกดตรงรอบสะดือแล้วรู้สึกเจ็บค่ะอยากทราบว่าจะเป็นใส้ติ่งึป่าวค่ะ
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
อย่างที่กล่าวไปนะคะ การปวดท้องรอบสะดือ เพียงอย่างเดียว อาจบอกอะไรไม่ได้มากค่ะ ต้องอาศัยการตรวจร่างกายโดยแพทย์เพิ่ทด้วยค่ะ
ถ้าถามความเป็นไปได้ ว่าเป็นไปได้ไหม ตอบว่า เป็นไปได้ค่ะ แต่จะเป็นไปได้มาก หรือ น้อย ขึ้นกับประวัติอื่นๆ และการตรวจร่างกายเป็นหลักค่ะ การจะวินิจฉัยใส้ติ่งอักเสบจากประวัติอย่างเดียว โดยไม่ได้ตรวจร่างกาย อาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้มาก การวินิจฉัยไส้ติ่งอักเสบ ต้องทำอย่างรัดกุม เนื่องจาก การรักษา คือ การผ่าตัด ซึ่งจะทำก็ต่อเมื่อ การวินิจฉัยชัดเจน เท่านั้นค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
การตรวจประเมินอาการปวดท้องนั้นควรเป็นการตรวจประเมินจากแพทย์เป็นหลักครับ ในการกดท้องแต่ละครั้งนั้นต้องมีการตรวจประเมินอาการหลายอย่าง ทั้งตำแหน่งกดเจ็บ ความเกร็งของหน้าท้อง ระดับความรุนแรงในกาีเจ็บ ไม่แนะนำให้ตรวจด้วยตัวเองเพราะมีโอกาสที่จะประเมินอาการผิดพลาดได้ครับ
หมอแนะให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการจะดีกว่าครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีคะพอดีดิฉันปวดบริเวณหน้าท้องคะบางทีกดก็เจ็บคะไม่ได้ยกของหนักไม่เป็นประจำเดือนจะอันตรายมากไหมคะ
เวลากดตรงท้องใต้สะดือรู้สึกเจ็บแล้วเหมือนเป็นก้อนเเข็งๆจะเจ็บเฉพาะตอนกดตอนนี้รู้สึกเหมือนหน่วงๆที่ท้องแล้วร้าวไปถึงขาขวาอยากทราบว่าจะเป็นใส้ติ่งรึป่าวคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)