July 14, 2018 14:56
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
โรคน้ำกัดเท้า หรือ ทางการแพทย์เรียกว่าโรคกลากที่เท้า (tinea) เกิดจากการติดเชื้อรา
อาการแสดงได้แก่ มีผื่นแดงและคัน ซึ่งเกิดได้ทุกส่วนของเท้า แต่มักพบบริเวณซอกนิ้วเท้ามากที่สุด ผิวหนังลอก เจ็บที่ผิวแตก จนถึงฝ่าเท้าที่หนาขึ้น
สาเหตุมักเกิดจากการรักษาความสะอาด และความชื้น เช่น การไม่ล้างเท้าหลังออกกำลังกาย ไม่เป่าเท้าให้แห้ง ใช้ถุงเท้า รองเท้า ร่วมกับผู้อื่น ใช้ถุงเท้าซ้ำ รองเท้าที่ไม่ระบายอากาศ
โรคน้ำกัดเท้าสามารถรักษาได้ด้วยยาแก้เชื้อราที่ขายตามร้านขายยาในรูปแบบครีม เจล โลชั่น สเปรย์ และ แป้งที่มีหนึ่งในสารออกฤทธิ์ดังนี้
• Clotrimazole
• Miconazole
• Oxiconazole
• Ketoconazole
ใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ จะดีขึ้น
นอกจากนี้ tea tree oil หรือ การแช่เท้าในน้ำที่ผสมผลิตภัณฑ์สมุนไพรบางชนิด แต่ถึงกระนั้น ยังไม่มีความเห็นร่วมกันในทางวิทยาศาสตร์ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้แล้วได้ผลจริง
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
พิศุทธิกาญจญ์ รังคกูลนุวัฒน์ (พญ.)
โดยปกติโรคน้ำกัด หรือเรียกว่าโรคกลากที่เท้า นั้นเกิดจาการติดเชื้อราที่เท้า จากการที่มีเท้าอับชื้อค่ะ เช่นคนที่ต้องใส่รองเท้าบูท หรือเดินย้ำน้ำบ่อยๆ หรือถุงเท้าซักไม่สะอาด หรือนักกีฬาที่ไม่ดูเรื่องรองเท้าก็จะทำให้เกิดโรคนี้ได้ค่ะ ซึ่งจะมีอาการคันเท้า เท้ามีกลิ่น หรือมีแผลที่เท้าค่ะ การรักษาคือการรักษาความสะอาด ปรับเปลี่ยนรองเท้าถุงเท้า ไม่ให้อับหรือชื้น และใช้ยาฆ่าเชื้อราค่ะ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงรักจากรักษาไปแล้วต้องระวังว่ามีติดเชื้อแบคทีเรียนซ้ำซ้อนหรือไม่ หรือไม่ใช่โรคน้ำกัดเท้าค่ะ แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ผมจะทำอย่างไรให้หายเป็นโรคน้ำกัดเท้าคลับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)