July 22, 2019 10:00
สวัสดีค่ะ คำถามของคุณอาจกว้างเกินไป ทำให้คุณหมอไม่สามารถให้ความเห็นได้ กรุณาอธิบายอาการอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร บริเวณไหน เป็นมานานและถี่แค่ไหน รวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น เพศ อายุ ยาหรืออาหารเสริมที่ทานอยู่ เป็นต้น หรือคุณอาจค้นหาคำตอบคุณหมอ และกว่า 5,000 บทความสุขภาพในเว็บของเรา หากคุณถามเกี่ยวกับโรงพยาบาล คุณสามารถค้นหาข้อมูลติดต่อของโรงพยาบาลได้ที่นี่ หรือส่งอีเมลมาที่ [email protected] ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการหูอื้อเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ การรักษาก็จะต้องรักษาตามสาเหตุนั้นๆ สาเหตุของหูอื้อ เช่น
-ขี้หูมากเกินไป มักเกิดจากการแคะหรือใช้สำลีปั่นหู ทำให้ขี้หูถูกดันเข้าไปข้างในมากขึ้น
-มีบางอย่างอยู่ในรูหู เช่น มีแมลงเข้าหู น้ำขังในหู หินปูนเกาะ มีเนื้องอกในหู
-หูอื้อตามอายุที่มากขึ้นหรือเกิดความเสื่อมของหูชั้นใน มักจะได้ยินเสียงความถี่สูงดังในหูเป็นเสียงวี้ดๆ
-น้ำในหูไม่เท่ากัน จะมีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน ได้ยินเสียงลดลง หูอื้อ หูแว่ว แน่นหู ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน
-มีการติดเชื้อหรืออักเสบภายในหู มีอาการปวดหู หูอื้อ ได้ยินลดลง อาจมีปวดศีรษะ มีไข้ มีของเหลวหรือหนองไหลออกจากหู
-หูอื้อจากภูมิแพ้หรือเป็นหวัด เนื่องจากท่อยูสเตเชียนเชื่อมระหว่างหูชั้นกลางและและคอ
-หูอื้อจากการได้ยินเสียงที่ดังเกินไปหรือได้รับอุบัติเหตุที่หูโดยตรง ทำให้อาจเกิดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับแก้วหูหรือกระดูกชิ้นเล็กๆในหูชั้นในได้
-จากภาวะทางจิตเวช เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล อารมณ์ซึมเศร้า เป็นต้น
-จากสาเหตุอื่นๆ เช่น การใช้ยาบางชนิด โรคความผิดปกติที่ข้อต่อขากรรไกร ความดันโลหิตสูง คลอเรสเตอรอลสูง เกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะหรือคอ เป็นต้นค่ะ
ยังไงแนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านหูคอจมูกเพื่อตรวจหาสาเหตุของหูอื้อและจะได้ทำการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
จะทำยังไงให้หูหายอื้อได้คิะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)