September 21, 2018 02:02
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ในช่วงที่รับประทานยาคุมกำเนิดนั้นประจำเดือนมักจะมาอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากในช่วงที่รับประทานยาคุมอยู่ร่างกายจะได้รับฮอร์โมนในปริมาณที่สม่ำเสมอในแต่ละรอบเดือน
แต่เมื่อหยุดรับประทานยาคุมแล้วประจำเดือนก็อาจคลาดเคลื่อนได้บ้างจากหลายๆสาเหตุครับ เช่น
- มีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- ความเครียด
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- การทำงานของต่อมไทรอยด์ที่ผิดปกติ
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้น ถ้าใช้ได้อย่างถูกต้องไม่มีการแตกรั่วของถุงยางอนามัยจะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้นครับ
แต่ในกรณีที่ไม่มั่นใจก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดูครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ได้ทานยาคุมติดต่อกันเป็นเวลา 7-8เดือน หลังจากนั้นก็ได้หยุดทานยาไปจนถึงปัจจุบัน ประจำเดิอนหลังจากหยุดยาคุมคือตี้งแต่เดือน มิย.ประจำเดือนมาวันที่ 13มิย เดือน กค. ประจำเดือน ไม่มาทั้งเดือน และได้มาในวันที่ 6สิงหา แต่ในส่วนของเดือนกันยายนนี้ ประจำได้ยังไม่มาเลย อยากทราบสาเหตมาจากอะไร มีเพศสัมพันธ์ล่าสุดใส่ถุงยางและไม่มีการแตกขาดใดๆ (ประมานวันที่18สิงหา) อยากสอบถามว่ามีเหตุใดที่ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อยและมีสิทธิที่จะตั้งครรภ์รึเปล่า
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)