กินยาคุมฉุกเฉิน ภายใน1 ช.ม พอผ่านไป 3 ช.มกินอีกเม็ดตาม ไม่รุ้สึกอาการข้่งเคียงอะไรเลยนอกจากมีเจ็บท้องน้อยนิดๆ วันที่3 มีตกขาวสีเหลืองมีกลิ่นคาวปลา ดิฉันจะท้องไหมคะ

1. ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมาก ดังนั้น แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% ค่ะ การที่มีหรือไม่มีผลข้างเคียงจากยา ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่นะคะ

ดังนั้น ต้องรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาหรือเปล่า ซึ่งในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ (ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่เป็นผลข้างเคียงจากยา อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร)

ถ้าไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ

2. ส่วนอาการตกขาวสีเหลืองและมีกลิ่นเหม็นคาว ไม่ได้เป็นผลจากการใช้ยาคุมฉุกเฉินค่ะ แต่น่าจะเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น มีการติดเชื้อ ดังนั้น แนะนำให้ไปพบแพทย์/สูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและรับการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

สวัสดีครับ
หมอขอตอบแยกเป็น 2 ประเด็นนะครับ
1. เรื่องการรับประทานยาคุมฉุกเฉิน
- การรับประทานยาคุมฉุกเฉินที่ถูกต้องนั้นจะต้องรับประทานทีละ 1 เม็ดห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือ รับประทานพร้อมกันทีเดียว 2 เม็ด จึงจะได้ผลป้องกันการตั้งครรภ์เต็มที่ที่ 75-85% ครับ การรับประทานยาคุมฉุกเฉินที่ไม่ตรวตามคำแนะนำนี้อาจมีผลให้ประสิทธิภาพของยาแตกต่างไปจากนี้ได้ อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินซ้ำ เนื่องจากจะทำให้ร่างกายได้รับยามากเกินไปโดยไม่จำเป็นครับ
- หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นไม่จำเป็นต้องเกิดผลข้างเคียงจากยาเสมอไป และการที่ไม่เกิดผลข้างเคียงก็ไม่ได้เป็นการบอกว่ายาจะใช้ไม่ได้ผล
- หมอแนะนำว่าในตอนนี้ควรใจเย็นไและรอสังเกตประจำเดือนของรอบเดือนนี้ดูก่อน ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

2. เรื่องตกขาว
- หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินอาจมีตกขาวมากขึ้นได้ แต่ตกขาวก็ไม่ควรมีกลิ่นเหม็นผิดปกติครับ
- การที่ตกขาวมีกลิ่นผิดปกติไปอาจเป็นการบ่งบอกถึงภาวะแบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุลหรือการติดเชื้อบางอย่างในช่องคลอดได้
- ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ