June 07, 2018 23:14
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อนครับว่าปัจจุบันแนวทางการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าที่แพทย์ใช้กันในประเทศไทยมีอยู่ 2 แนวทาง ดังนี้ครับ
1. แนวทางการฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าของสถานเสาวภา สภากาชาดไทย ปีพ.ศ.2559
ในแนวทางนี้แนะนำว่าผู้ที่มีการสัมผัสน้ำลายสัตว์เข้าทางบาดแผลซ้ำหลังฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าเข็มสุดท้ายภายใน 6 เดือนให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันพิษสุนัขบ้า 1 เข็ม โดยไม่ได้กำหนดตัวเลขมาให้ครับว่า ในเวลาเท่าใดที่อาจไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้น
ดังนั้นจึงแปลความได้ว่า ให้ฉีดกระตุ้นทุกกรณี โดยไม่สนใจระยะเวลาหลังฉีดวัคซีนครับ
2. แนวทางการฉีดวัคซีนขององค์การอนามัยโลก แนวทางนี้เพิ่งออกมาใหม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้เองครับ
ในเนื้อหามีการระบุว่าถ้าหากมีการสัมผัสน้ำลายสัตว์ซ้ำภายใน 3 เดือนหลังฉีดวัคซีนเข็มสุดท้าย ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นซ้ำครับ
แนวทางขององค์การอนามัยโลกนี้ยังไม่ได้ถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการในประเทศไทยครับ จึงเป็นที่มาว่าแพทย์แต่ละคนอาจมีแนวทางการฉีดวัคซีนที่แตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับว่ายึดตามแนวทางการฉีดวัคซีนฉบับใดครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
คุณหมอคะ พอดีหนูเคยสัมผัสโรคพิษสุนัขบ้าแล้วก็ไปฉีดยา พอหลังจากฉีดเข็มสุดท้ายเสร็จประมาณ 4 วันก็มีโอกาสสัมผัสโรคอีก แต่ตอนที่ไปหาหมอ หมอบอกว่าพึ่งจะฉีดยามา ภูมิคุ้มกันยังสูงอยู่ ไม่ต้องฉีดเพิ่ม หนูเลยสงสัยว่าระยะเวลากี่วันหลังจากฉีดยาเข็มสุดท้ายที่เราพิจารณาว่าไม่ต้องฉีดวัคซีนเพิ่มอีกคะ เพราะที่เคยอ่านบางเคสสัมผัสโรคตอนผ่านไปห้าวันหลังฉีดเข็มสุดท้ายหมอก็เเนะนำให้ไปฉีดเพิ่ม บางเคสเห็นสัมผัสโรคหลังฉีดเข็มสุดท้ายหนึ่งสัปดาห์ แต่หมอก็แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเพิ่ม หนูก็เลยสับสนค่ะ แล้วหนูก็พึ่งฉีดเข็มล่าสุดไปไม่กี่วัน เลยอยากทราบเป็นแนวทางปฏิบัติค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)