มีเพศสัมพันธ์กับแฟนแล้วถุงยางแตก รู้ตัวตอนที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว น้ำอสุจิน่าจะเข้าไปเต็มๆเพราะไม่เหลือที่ถุงเลย รีบล้างและทานยาคุมฉุกเฉินทันที จะมีโอกาสท้องมากน้อยขนาดไหนคะ ปล.ประจำเดือนเพิ่งหมดไป1วันค่ะ ปกติเป็นคนประจำเดือนเลื่อนค่อนข้างบ่อยด้วย และสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์กี่วันหรอคะ ตอนนี้กังวลมาก

ถ้าชัวร์ว่าเป็นช่วงประจำเดือนจริงๆ โอกาสท้องก็น้อยมากครับ เพราะช่วงประจำเดือนจะไม่มีไข่ตกครับ

ยิ่งกินยาคุมฉุกเฉิน จะยิ่งลดโอกาสท้องครับ

ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลรบกวนกระบวนการตกไข่ รบกวนการที่อสุจิจะเข้าไปผสมกับไข่ รวมทั้งส่งผลเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อทำให้ยากแก่การฝังตัวของไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว การรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แต่เป็นการไปลดโอกาสตั้งครรภ์ลงจากเดิม ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหากรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาเม็ดแรกภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุดครับ

หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์นะครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ

สวัสดีครับ
เมื่อถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วระหว่างมีเพศสัมพันธ์แต่ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปเรียบร้อยแล้วก็ถือว่ามีการแก้ไขที่เหมาะสมแล้วครับ ในกรณีนี้โอกาสตั้งครรภ์จะมีเหลืออยู่ประมาณ 15-25%

สำหรับการตรวจการตั้งครรภ์นั้นจะเริ่มตรวจได้เมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ในทางทฤษฎีนั้นการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 7 วันแรกของการมีประจำเดือนจะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้น้อยเนื่องจากมักไม่มีการตกไข่ในช่วงนี้ครับ แต่ในทางปฏิบัตินั้นก็ต้องถือว่าทุกๆวันที่มีเพศสัมพันธ์มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เอาไว้ก่อนเนื่องจากในบางครั้งก็อาจมีการตกไข่ที่ผิดปกติเกิดขึ้นได้ครับ

ส่วนการที่ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินในทันทีตั้งแต่ 24 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินก็จะทำงานได้ดี คือ จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 15% เท่านั้นครับ

ใช่ครับ ให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจครับ

ถ้าหากถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้เลยโดยไม่ต้องรอประจำเดือนครับ

ถ้าจะตรวจเลือดเพื่อหาการตั้งครรภ์ หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 10 วันก็ตรวจได้เลยครับ

ใช่ครับ สามารถตรวจเลือดและปัสสาวะในวันดังกล่าวได้เลย ผลตรวจที่ได้จะเชื่อถือได้ประมาณ 99% ครับ

การที่ต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินในกรณีนี้ที่มีความผิดพลาดจากการใช้ถุงยางอนามัยก็ถือว่าสามารถทำได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์แล้วครับ ถึงแม้ยาคุมฉุกเฉินจะไม่ได้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ดีมากนักก็ยังดีกว่าปล่อยไว้โดยไม่ทำอะไรเลยในกรณีนี้

หลังจากนี้ถ้าหากกังวลว่าจะมีความผิดพลาดจากการใช้ถุงยางอนามัยอีกก็สามารถใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นๆควบคู่กันไปได้ เช่น
- รับประทานยาคุมแบบรายเดือน สามารถเริ่มใช้ได้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนเพื่อให้ยาคุมออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรก
- ฉีดหรือฝังยาคุม สามารถเริ่มใช้ได้ภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อให้ยาคุมออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทัตั้งแต่วันแรก
หรือถ้าหากได้ตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมไปแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็อาจเริ่มการคุมกำเนิดด้วยวิธีเหล่านี้ได้ทันที แต่ในกรณีนี้จะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อนเป็นเวลา 7 วันหลังเริ่มคุมกำเนิดด้วยวิธีเหล่านี้ การคุมกำเนิดเหล่านี้จึงจะเริ่มป้องกันการตั้งครรภ์ได้หลังจากนั้นครับ

การตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงเวลาตามที่หมอได้แนะนำไปนั้นจะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ถึง 99% แล้วครับ แต่ถ้าหากยังไม่มั่นใจจริงๆก็อาจตรวจซ้ำอีกครั้งหลังตรวจครั้งแรกประมาณ 1 สัปดาห์ได้ ถ้าหากตรวจแล้วผลตรวจออกมาตรงกันก็ไม่น่าผิดพลาดแล้ว

ส่วนเรื่องประจำเดือนนั้นถ้าเดิมเป็นคนที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมออยู่แล้ว หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินประจำเดือนก็มักจะยังมาใกล้เคียงกับกำหนดตามปกติอยู่ หรือถ้ามีการคลาดเคลื่อนก็มักไม่เกิน 4-5 วันครับ แต่ถ้าหากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินก็จะคาดการณ์ได้ยากว่าประจำเดือนจะมาอีกครั้งเมื่อไหร่ครับ

ถึงแม้ในทางทฤษฎีนั้นการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 7 วันแรกของการมีประจำเดือนจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยเนื่องจากมักไม่มีการตกไข่ในช่วงนี้ แต่ในทางปฏิบัติก็อาจมีบางรอบเดือนที่มีการตกไข่ที่เร็วกว่าปกติเกิดขึ้นได้ครับ ด้วยเหตุนี้จึงต้องถือว่าทุกวันที่มีเพศสัมพันธ์มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เอาไว้ก่อน

ถ้าหากในกรณีนี้ไม่ได้มีการป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยวิธีอื่นเลยนอกจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉินในทันทีก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 15% ครับ

ถ้าหากต้องการตรวจเลือดหาการตั้งครรภ์แนะนำให้ตรวจเลือดเมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 10 วันครับ ซึ่งการตรวจนี้ส่วนใหญ่มักจะตรวจได้ในโรงพยาบาลเท่านั้น และจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 500-1000 บาทครับ

ทั้งอาการคลื่นไส้ อาเจียน และมีเลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอดอาจเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการรับประทานยาคุมฉุกเฉินได้ครับ และการมีอาการเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่าจะมีการตั้งครรภ์หรือไม่

ในเบื้องต้นนั้นอาจรอสังเกตอาการดูก่อนว่าประจำเดือนจะมาตามปกติหรือไม่ ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ถ้าหากได้ตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจแล้ว ก็สามารถเชื่อถือผลตรวจดังกล่าวได้ 97-99% ครับ

แต่ถ้าหากยังกังวลกลัวว่าผลตรวจจะไม่ถูกต้องอยู่ก็สามารถลองตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อห่างจากการตรวจครั้งแรก 1 สัปดาห์ได้ ถ้าผลตรวจออกมาตรงกันก็ไม่น่าผิดพลาดแล้วครับ

ใช่ครับ ถ้าหากตรวจซ้ำในอีก 1 สัปดาห์ข้างหน้าแล้วผลตรวจออกมาตรงกัน โอกาสที่ผลตรวจจะผิดพลาดก็เป็นไปได้ยากมากครับ

สามารถใช้ชุดตรวจยี่ห้อใดก็ได้ครับ สิ่งที่สำคัญคือเทคนิคและช่วงเวลาในการตรวจมากกว่าครับ

แค่ใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้า และแปลผลตรวจในเวลาที่ชุดตรวจกำหนดก็ใช้ได้แล้วครับ

โอกาสตั้งครรภ์ในขณะนี้มีเพียง 1-3% ตามโอกาสที่ผลตรวจการตั้งครรภ์จะผิดพลาดครับ

การมีตกขาวไม่ใช่อาการที่จะบ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ครับ และถ้าหากที่ตกขาวที่ออกมาไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีเหลือง-เขียว มีกลิ่นเหม็น หรือก่อให้เกิดอาการคันก็มักไม่ใช่ตกขาวที่ผิดปกติครับ

ถ้าหากยังกังวลเรื่องการตั้งครรภ์อยู่ทั้งที่ได้ลองตรวจการตั้งครรภ์ไปแล้วก็อาจลองตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำอีกครั้งห่างจากการตรวจครั้งแรก 1 สัปดาห์ได้ ถ้าหากตรวจแล้วผลตรวจตรงกันผลตรวจก็มักไม่ผิดพลาดแล้วครับ

ถ้าเช่นนั้นก็สามารถซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์จากปัสสาวะมาตรวจด้วยตนเองได้ครับ ถ้าหากหลังการตรวครั้งล่าสุดไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีก ผลตรวจในตอนนี้ก็ไม่น่าผิดพลาดแล้วครับ

ใช่ครับ ถ้าหากเกิน 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายแล้วก็สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการตรวจครั้งแรกอย่างน้อย 1 สัปดาห์ได้ครับ

ถ้าหากตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 3 สัปดาห์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์โอกาสที่ผลตรวจดังกล่าวตะผิดพลาดก็มีไม่เกิน 1% ครับ จึงสามารถเชื่อถือผลตรวจดังกล่าวได้แล้ว

ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ควรต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์แล้วครับ

ถ้าหากถึงรอบเดือนหน้าแล้วประจำเดือนยังไม่มาหมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมกับสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนผิดปกติครับ

ถ้าหากเดิมเป็นคนที่มีประจำเดือนมาสม่ำเสมอหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินประจำเดือนก็มักจะยังมาใกล้เคียงกับกำหนดประจำเดือนเดิมครับ หรือถ้าคลาดเคลื่อนก็มักไม่เกิน 4-5 วัน

แต่ถ้าหากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอก็จะคาดการณ์ได้ยากว่าหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วประจำเดือนจะมาอีกครั้งเมื่อไหร่ครับ

การตรวจการตั้งครรภ์นั้นสามารถตรวจได้ทั้งก่อนถึงรอบประจำเดือนและหลังจากที่เลยรอบประจำเดือนไปแล้วครับ แต่สิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้ผลตรวจที่แม่นยำคือระยะห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายครับ

การตรวจการตั้งครรภ์ที่จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้จะต้องตรวจเมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ไม่ว่าจะตรวจการตั้งครรภ์ก่อนหรือหลังวันที่ประจำเดือนควรจะมาก็จะให้ผลตรวจที่ไม่แตกต่างกันครับ ถ้าหากได้ตรวจในช่วงเวลาที่เหมาะสม คือ ตรวจเมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ

หมอไม่แนะนำให้รับประทานยาสมุนไพรเพื่อช่วยเร่งประจำเดือนด้วยเหตุผล 2 ข้อครับ
1. ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่ายาสมุนไพรจะช่วยให้ประจำเดือนมาตามปกติได้
2. ในขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของการขาดประจำเดือนที่แน่ชัด

ในกรณีที่กังวลเรื่องการตั้งครรภ์หมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงเวลาที่หมอแนะนำไปเพื่อความแน่ใจก่อนครับ

ถ้าหากเดิมเป็นคนที่มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมออยู่แล้ว หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินก็จะคาดการณ์ได้ยากว่าประจำเดือนจะมาอีกครั้งเมื่อไหร่เนื่องจากความผิดปกติของประจำเดือนที่มีอยู่เดิมครับ

ถ้าหากได้ตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงเวลาที่หมอได้แนะนำไปแล้วและยังไม่พบการตั้งครรภ์ หมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุของการที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอได้เลยครับ

ถ้าหากรอบเดือนที่ผ่านมาประจำเดือนมาต่างกันรอบละ 3-4 วันเท่านั้น ในรอบเดือนนี้ปรก็อาจคลาดเคลื่อนหรือไม่ก็ได้ครับ

ส่วนการรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นถ้าหากไม่ได้รับประทานในช่วงที่ประจำเดือนใกล้มามากๆจริงๆก็จะไม่ได้ส่งผลให้ประจำเดือนเลื่อนห่างออกไปมากนักครับ

โดยปกติแล้วหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนควรจะมาตามกำหนดตามปกติหรืออย่างช้าก็มักไม่เกิน 4-5 วันครับ

ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วหมอก็แนะนำให้ลองดูตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ไม่ทราบว่ามีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายวันที่เท่าไหร่ ตรวจการตั้งครรภ์ครั้งสุดท้ายไปเมื่อวันที่เท่าไหร่ และได้ใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจหรือไม่ครับ

หมายถึงมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมใช่ไหมครับ

ถ้าใช่ ผลตรวจการตั้งครรภ์ที่ได้ตรวจไปก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้แล้ว แต่ถ้ายังกังวลอยู่และต้องการตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำอีกครั้งก็ไม่มีปัญหาครับ

ถ้าหากหลังวันที่ 31 พฤษภาคมไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีกเลยและได้ตรวจการตั้งครรภ์ไปตามที่เล่ามาแล้ว ก็ไม่ควรมีการตั้งครรภ์แล้วครับเนื่องจากผลตรวจการตั้งครรภ์ที่ได้จะเชื่อถือได้แล้ว

โดยปกติแล้วถ้าหากมีการตั้งครรภ์ประจำเดือนก็จะขาดหายไปครับ เนื่องจากเยื่อบุโพรงมดลูกจะต้องถูกใช้ในการฝังตัวของตัวอ่อนและจะไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน

แต่ถ้าหากยังไม่มั่นใจว่าเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนตามปกติหมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

โอกาสตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับว่าได้มีการป้องกันด้วยวิธีใดในขณะที่มีเพศสัมพันธ์หรือไม่ครับ ถ้าหากไม่ได้มีการป้องกันเลยโอกาสตั้งครรภ์ก็อาจสูงได้ถึง 80% ครับ

ถ้าหากมีประจำเดือนแล้วก็จะเป็นการบ่งบอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ แต่เนื่องจากคุณได้ให้ข้อมูลว่าไม่แน่ใจว่าเลือดที่ออกมาใช่ประจำเดือนหรือไม่จึงทำให้ยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการตั้งครรภ์อบ่างแน่นอนครับ

ถ้าลักษณะเลือดที่ออกมานั้นใกล้เคียงกับประจำเดือนตามปกติก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้น้อยครับ

ถ้าหากเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนตามปกติแล้วก็จะไม่มีการตั้งครรภ์ครับ

ถ้าหากเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนจริงก็จะไม่มีการตั้งครรภ์ครับ แต่ก็จะมีกรณีที่เลือดที่ออกมานั้นเป็นเลือดที่เกิดจากสาเหตุอื่นแต่เข้าใจผิดว่าเป็นประจำเดือนและมาพบในภายหลังว่ามีการตั้งครรภ์ได้ครับ

สามารถลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจได้ครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้า
ในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

สามารถตรวจได้ครับ ถ้าหากตรวจตามวิธีข้างต้นแล้วก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ครับ

ชุดตรวจการตั้งครรภ์โดยส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพในการตรวจได้ใกล้เคียงกันครับ

ถ้าหากได้ตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจแล้วก็จะสามารถเชื่อถือผลตรวจดังกล่าวได้ครับ

การใช้นิ้วที่เปื้อนอสุจิสอดใส่เข้าไปในช่องคลอดจะมีผลทำให้ตั้งครรภ์ได้ยากมากเนื่องจากอสุจิที่ออกมาสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอกแล้วมักมีการเสื่อมสภาพไปในเวลาอันรวดเร็วครับ ยกเว้นแต่ว่าอสุจินั้นเพิ่งถูกหลั่งออกมาและนำไปสอดใส่ช่องคลอดทันทีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ก็จะเพิ่มมากขึ้นได้ครับ

ถ้าหากเป็นเพียงนิ้วที่อาจมีอสุจิติดอยู่สอดใส่เข้าไปในช่องคลอดเท่านั้นโดยไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอดโดยตรงก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีการตั้งครรภ์ครับ

การบริจาคเลือดและการรับประทานยาบำรุงเลือดไม่ได้มีผลต่อการมาของประจำเดือนครับ และจากเหตุการณ์ที่เคยเล่ามาก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์โดยการสอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในช่องคลอดโดยตรงก็ถือว่าไม่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์อยู่แล้วครับ

ในขณะที่รับประทานยาบำรุงเลือดสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้ตามปกติครับ

การตรวจการตั้งครรภ์นั้นเพียงตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้แล้วครับ

ในกรณีนี้จึงไม่น่าต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์แล้ว ส่วนประจำเดือนที่มาช้านั้นก็อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
ซึ่งถ้าหากมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆ หมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ส่วนการรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นจะไม่มีผลให้ประจำเดือนมาช้าครับ

ถ้าหากได้ตรวจการตั้งครรภ์ห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายมากกว่า 14 วันแล้วมักจะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้แล้ว ในกรณีนี้จึงไม่ควรต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ครับ