อยากสอบถามคุณหมอค่ะ พอดีมีนัดฉีดยา 1 กค แต่มีไปเมืองนอก 16 มิย กลับมาไทยก็10กค เเล้วจะขอหมอฉีดล่วงหน้าได้ไหมค่ะ แต่ตอนนี้มีประจำเดือนแบบกระปิดกระปอย *ในกรณีถ้าหมอบอกฉีดไม่ได้ เราสามารถกินยาคุมกำหนดแทนได้ไหมค่ะ *ถ้าถึงกำหนดฉีดยาเรากินยาคุมแทน แต่ไม่ได้มีอะไรกับแฟนแล้ว มีโอกาสท้องไหมค่ะ ต้องกินยาหมดแผงไหมค่ะ

1. ใช้ยาฉีดคุมกำเนิดชนิด 1 เดือน หรือ 3 เดือนคะ
2. เข็มล่าสุดที่มีการฉีดจริง คือวันที่เท่าไหร่คะ
3. จากคำถามที่ว่า "ถ้าถึงกำหนดฉีดยาเรากินยาคุมแทน แต่ไม่ได้มีอะไรกับแฟนแล้ว มีโอกาสท้องไหมคะ" หมายถึง ตั้งแต่วันที่ 1 กค เป็นต้นไป น่าจะไม่มีเพศสัมพันธ์เลยหรือเปล่าคะ

การนัดฉีดยาคุมชนิด 3 เดือน หากยึดตามองค์การอนามัยโลก (WHO) จะแนะนำให้ฉีดทุก 1 เดือน (หรือ 12 สัปดาห์) แต่ถ้ายึดตามศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา (U.S. CDC) จะแนะนำให้ฉีดทุก 13 สัปดาห์ค่ะ

คาดว่าแพทย์ที่นัดฉีดยาวันที่ 1 กรกฎาคม น่าจะยึดตามแนวทางหลัง เพราะมีการนัดฉีดที่ 12 สัปดาห์ + 5 วันจากวันที่ฉีดเข็มล่าสุด เมื่อ 3 เมษายนค่ะ

การเลื่อนนัดฉีดยา สามารถทำได้ 2 แบบนะคะ คือเลื่อนเข้าและเลื่อนออก

1. การเลื่อนเข้าสำหรับยาคุมชนิดฉีดทุก 3 เดือน ถ้ายึดตาม WHO สามารถฉีดก่อนวันนัด 2 สัปดาห์ได้ค่ะ คืออย่างเร็ววันที่ 12 มิถุนายน แต่ถ้ายึดตาม U.S. CDC สามารถฉีดก่อนนัดได้ตามที่จำเป็นค่ะ

2. การเลื่อนออกสำหรับยาคุมชนิดฉีดทุก 3 เดือน สามารถฉีดช้ากว่าวันนัดได้โดยที่ยังมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันค่ะ โดย ถ้ายึดตาม WHO คือนับจากวันที่ฉีดเข็มล่าสุดไปไม่เกิน 12 + 4 สัปดาห์ หรือไม่เกินวันที่ 24 กรกฎาคม แต่ถ้ายึดตาม U.S. CDC คือนับจากวันที่ฉีดเข็มล่าสุดไปไม่เกิน 13 + 2 สัปดาห์ หรือไม่เกินวันที่ 17 กรกฎาคมค่ะ

ดังนั้น ในกรณีนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ยาคุมชนิดเม็ดแทนหรอกค่ะ ฉีดก่อนเดินทางได้เลย หรือรอฉีดหลังเดินทางกลับมาแล้วก็ได้นะคะ โดยฉีดเร็วที่สุดที่ทำได้ หรืออย่างช้าไม่เกิน 17 กรกฎาคมตามแนวทางของ U.S. CDC ค่ะ

การฉีดในระยะเวลาดังกล่าว จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกันอยู่นะคะ ในระหว่างที่รอฉีดยา แม้จะเลยวันนัดไปแล้ว ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติค่ะ

อย่างไรก็ตาม เพื่อความชัดเจน แนะนำให้โทรศัพท์ไปสอบถามกับคุณหมอที่โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ฉีดยาตามนัดด้วยจะดีกว่านะคะ จะได้ทราบวันเวลาที่สะดวกกับทั้ง 2 ฝ่ายค่ะ

ผลข้างเคียงเด่น ๆ ของการใช้ยาฉีดชนิด 3 เดือน คือการมีเลือดกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนอยู่แล้วค่ะ ถ้าไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ก็น่าจะเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยาฉีดเองนะคะ ซึ่งมักพบเลือดกะปริบกะปรอยและประจำเดือนไม่ปกติในช่วงแรก ๆ แล้วจะค่อย ๆ ลดลงหรือเกิดห่างมากขึ้น แล้วกลายเป็นไม่มีประจำเดือนแทนค่ะ

ในกรณีที่เป็นผลข้างเคียงจากยา หากเลือดไม่ได้ออกมากหรือนานผิดปกติ ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาค่ะ เพราะจะหายเองได้ตามที่กล่าวไปแล้ว

แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าอาการดังกล่าวเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือไม่ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย หรือมีเลือดประจำเดือนออกมากหรือนานผิดปกติ หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอยต่อเนื่องกันนานจนสร้างความรำคาญ ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม และพิจารณาการรักษาตามความเหมาะสมนะคะ