July 23, 2019 23:01
ตอบโดย
กอบศักดิ์ ชัยชะแตง (นพ.)
1.หากแน่ใจว่าเป็นประจำเดือนจริง โดยลักษณะ สี ปริมาณ เหมือนประจำเดือนไม่ต้องทานยาคุมฉุกเฉินครับ
2.ไม่ใช่ครับ อาจเป็นวันท้ายๆของรอบเดือนที่ประจำเดือนใหล้หมดแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการตกไข่ครับ
ฉะนั้นหากมีเพศสัมพันธ์ช่วงที่มีประจำเดือน เป็นการคุมกำเนิดตามธรรมชาติ และเป็นช่วงที่ไข่ฝ่อ และเยื่อบุมดลูกสลายตัวหลุดลอกออกมา ซึ่งไม่มีโอกาสตั้งครรภ์ครับ ไม่ต้องกินยาคุมฉุกเฉิน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นประจำเดือนค่ะ แต่พอดูที่แผ่นอนามัยไม่ค่อยมีประจำเดือนไหลออกมาค่ะ แต่พอปัสสาวะออกมามีเลือดออกมาเยอะเลยค่ะ แบบนี้ตกลงเรียกว่ามีประจำเดือนได้ไหมค่ะ เริ่มจะสับสนค่ะ
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันนั้นไม่ว่าจะเกิดขึ้นในเวลาใดของรอบเดือนก็จะถือว่ามีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ครับ เนื่องจากในบางรอบเดือนก็อาจมีการตกไข่ผิดปกติที่ไม่ตรงตามรอบเกิดขึ้นได้
ในกรณีนี้หมอแนะนำให้หายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลงได้ 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ลักษณะของประจำเดือนปกติ ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปก็ควรจะมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันนะคะ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ค่ะ ต่อให้เลือดดังกล่าวจะเป็นประจำเดือนจริง ๆ การมีเพศสัมพันธ์ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 5 - 24% นะคะ โดยเฉพาะหากผู้ถามไม่ได้มีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ หรือมีเพศสัมพันธ์ในช่วงวันท้าย ๆ ของการมีประจำเดือน ความเสี่ยงก็อาจค่อนไปทางสูง คือ 24% ซึ่งถือว่าสูงกว่าการคุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานหลายเท่าค่ะ
หรือถ้าเลือดดังกล่าวไม่ใช่ประจำเดือน การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันใด ๆ เลย ก็มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 85% ค่ะ
ดังนั้น การป้องกันฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลง น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่านะคะ โดยเฉพาะถ้าไม่มั่นใจว่าเลือดดังกล่าวเป็นประจำเดือนจริงหรือไม่
การคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีใช้ในปัจจุบัน มี 2 ทางเลือก ได้แก่
1. รับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
แต่วิธีนี้มีประสิทธิภาพไม่สูงนัก แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลาก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% และไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องหลังรับประทาน หากจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งค่ะ
2. ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
วิธีนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น และยังมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
นี่คือประจำเดือนรอบแรกของเดือนค่ะ แต่ งง ว่าทำไมออกมาน้อยที่แผ่นอนามัย แต่พอปัสสาวะมีออกมาเป็นจำนวนมาก เลยสับสนว่าตกลงต้องทานยาไหมค่ะ เพราะเป็นประจำเดือนวันแรกด้วยกลัวทานแล้วประจำเดือนจะหยุดไหมค่ะ หรือทานได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ประจำเดือนที่เป็นปกตินั้นควรจะมีลักษณะดังนี้ครับ
- มาห่างกันอย่างสม่ำเสมอรอบละ 21-35 วัน
- มาติดต่อกันนานครั้งละ 21-35 วัน
- ใช้ผ้าอนามัยวันละ 2-3 แผ่น
- มีลักษณะเป็นเลือดเก่าสีแดงคล้ำ
ถ้าหากลักษณะเลือดที่ออกมาผิดไปจากนี้ก็มีโอกาสที่อาจจะยังไม่ใช่ประจำเดือนและเป็นเลือดที่ออกจากสาเหตุอื่นๆได้ครับ
แต่ไม่ว่าเลือดดังกล่าวจะออกจากสาเหตุใดในตอนนี้หมอก็แนะนำว่าควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินตามที่หมอได้แนะนำไปให้เร็วที่สุดก่อนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
นี่คือประจำเดือนรอบแรกของเดือนค่ะ แต่ งง ว่าทำไมออกมาน้อยที่แผ่นอนามัย แต่พอปัสสาวะมีออกมาเป็นจำนวนมาก เลยสับสนว่าตกลงต้องทานยาไหมค่ะ เพราะเป็นประจำเดือนวันแรกด้วยกลัวทานแล้วประจำเดือนจะหยุดไหมค่ะ หรือทานได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ หรือมันไม่ใช่ประจำเดือนค่ะ เพราะเดือนที่แล้วก้ทานยาคุมฉุกเฉินค่ะ คือเลือดเสียรึป่าวค่ะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ ซึ่งโดยทั่วไปก็ควรจะมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันนะคะ
ส่วนเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยา จะเป็นเพียงหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย และอาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้
ถ้ามีประจำเดือนมาแล้ว ต่อให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ได้ทำให้เลือดหยุดไหลค่ะ ดังนั้น ในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าเป็นประจำเดือนหรือไม่ แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรองนะคะ
แต่ถ้าที่ผ่านมาผู้ถามมีประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอ และเลือดที่ออกมานี้ก็มาตรงกับช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีประจำเดือน อาจรอดูอีก 1 - 2 วันก่อนก็ได้ค่ะว่าจะมีเลือดออกมามากจนชุ่มผ้าอนามัยหรือไม่
และหากไม่มีเลือดออกมาต่อเนื่องอีกก็ให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็ว โดยรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียว ซึ่งการใช้ภายใน 72 ชั่วโมงแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ จะมีประสิทธิภาพดีกว่าการใช้ที่เวลา 72 - 120 ชั่วโมงค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทานครบขนาดในครั้งเดียว คือยังไงอะค่ะ ทานยาคุมฉุกเฉินในครั้งเดียว2เม็ดรวดหรอค่ะ ขอบคุณค่ะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมฉุกเฉินที่มีใช้ในประเทศไทยในปัจจุบันเป็นตัวยาลีโวนอร์เจสเทรลนะคะ ซึ่งมีวิธีรับประทาน 2 วิธี ได้แก่...
1. วิธีดั้งเดิม รับประทานครั้งละ 0.75 มิลลิกรัม 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง นั่นคือ ให้ใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด แล้วรับประทานครั้งละ 1 เม็ด แยกเป็น 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง
2. วิธีใหม่ รับประทานครั้งละ 1.5 มิลลิกรัมครั้งเดียว นั่นคือ ถ้าใช้ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว แต่ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียวค่ะ
การรับประทานครบขนาดในครั้งเดียว ก็คือการรับประทานตามวิธีใหม่ ในข้อ 2 นั่นเองค่ะ
ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ให้รับประทานเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์
ซึ่งในอดีต จะแนะนำว่าต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่การศึกษาต่อมาชี้ว่าแม้จะไม่ทัน 72 ชั่วโมง ก็ยังสามารถใช้ได้ ถ้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ
อย่างไรก็ตาม การใช้ภายใน 72 ชั่วโมงแรก มีประสิทธิภาพดีกว่า 72 - 120 ชั่วโมงนะคะ
ส่วนประสิทธิภาพและผลข้างเคียง มีผลการศึกษาที่ชี้ว่าไม่แตกต่างกันไม่ว่าจะใช้วิธีดั้งเดิมหรือวิธีใหม่ค่ะ
แต่การศึกษาใหม่ ๆ ชี้ว่า การใช้แบบครบขนาดในครั้งเดียว มีแนวโน้มจะมีประสิทธิภาพดีกว่าการแยกรับประทาน อีกทั้งยังสะดวกในการใช้ ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมรับประทานครั้งที่สอง
ดังนั้น ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉิน แนะนำให้รับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวไปเลยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ 1. มีเพศสัมพันธ์ตอนมี ปจด.ต้องกินยาคุมฉุกเฉินไหมคะ 2.หลังมีเพศสัมพันธ์ตอนมี ปจด.แล้ว ปจด.หยุดทันที เกิดจากที่ปล่อยใน ใช่ไหมค่ะ แล้วแบบนี้ต้องกินยาคุมฉุกเฉินไหมค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)