May 13, 2019 23:54
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
อาการเลือดออกระหว่าง หรือ หลังมีเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่ได้อยู่ในระหว่างการมีประจำเดือนของผู้หญิง เป็นอาการที่ไม่ปกติ และจะต้องหาสาเหตุครับ ซึ่งสาเหตุที่เป็นไปได้มีดังนี้ครับ
1.บาดแผลที่เกิดขึ้นขณะมีเพศสัมพันธ์ครับ อาจจะทำท่า ความรุนแรง หรือช่วงที่ทำช่องคลอดแห้ง ก็อาจจะมีเลือดออกได้ เลือดที่ออก อาจจะเล็กน้อย เช่น บาดแผลภายนอก หรือถ้ารุนแรงไปจนถึงช่องคลอดหรือป่กมดลูกฉีกขาด ก็อาจจะมีเลือดออกได้มาก
2.การ ติดเชื้อ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาจทำให้มีเลือดออก และตกขาวที่ผิดปกติได้ เช่น การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส เป็นต้น คนไข้อาจจะมีเลือดออก ร่วมกับมีตกขาวสีผิดปกติ เช่นทสีเขียว สีเหลือง หรือตกขาวมีกลิ่นเหม็น อาจมีอาการแสบ คันช่องคลอด บางคน อาจมีปวดท้องน้อยหรือมีไข้ร่วมด้วย
3. ติ่งเนื้อในช่องคลอด / ปากมดลูก ( polyp) เมื่อโดนกระทบกระแทก อาจมีเลือดออกได้ง่าย
4. เนื้องอก ทั้งเนื้องอกที่เป็นมะเร็วและไม่เป็นมะเร็งในช่องคลอด หรือ ปากมดลูก
5. เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ อาจทำให้มีเลือกออกขณะ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ บางคนอาจมีอาการปวดประจำเดือนมากกว่าปกติด้วยครับ
6. ช่องคลอดแห้ง / ช่องคลอดอักเสบ อาจเกิดจาก ความไม่พร้อม/น้ำหล่อลื่นน้อย หรือ ขาดฮอร์โมนเพศ เช่น หลังผ่าตัดรังไข่ ผู้หญิงอายุมาก เป็นต้น
7.มีเส้นเลือดโป่งพองที่ปากมดลูกหรือปากมดลูกปลิ้น ครับ
ยังมีอีกหลายสาเหตุ ที่อาจพบได้ครับ ซึ่งต้องใช้การตรวจร่างกาย ตรวจภายใน และอาจจะต้องมีการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมครับ จึงแนะนำให้คนไข้ไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่ รพ นะครับ
>>ในกรณีประจำเดือนไม่มาตามปกติ หรือ ประจำเดือนขาดไป
-ถ้าคนไข้มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การใช้ถุงยางอนามัย หรือการคุมกำเนิดวิธีอื่นๆไม่ถูกต้อง หรือ ผิดพลาด ก็อาจตั้งครรภ์ได้ เบื้องต้นแนะนำว่า ให้ตรวจการตั้งครรภ์ก่อนนะครับ โดยการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะด้วยตนเอง สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 14 วันหลังมีเพศสัมพันธ์ครับ
(การตรวจนั้น ต้องตรวจถุกต้องตามคำแนะนำและระยะเวลาที่เหมาะสมด้วยนะครับจึงจะเชื่อถือได้ครับ)
-ถ้าคนไข้ไม่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เลยหรือตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์. ปัจจัยที่จะทำให้ประจำเดือนที่เคยมา แล้วไม่มา หรือผิดปกติ มีหลายอย่างครับ ตัวอย่าง เช่น
1.ความเครียด การอดอาหารนานๆ และการออกกำลังกายอยางหักโหมมากเกินไป ทำให้ประจำเดือนขาดได้ครับ พบได้บ่อยที่สุด
2.การใช้ยาฮอร์โมนต่างๆ เช่น ยาคุมกำเนิด แบบฉีด หรือยาบางอย่าง เช่น ยารักษาโรคทางจิตเวช
3.โรคทางระบบสืบพันธ์บางชนิด เช่น ถุงน้ำรังไข่ ( PCOS) อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ หรือ การ ติดเชื้อ ทางเพศสัมพันธ์ อาจมำให้มีอาการปวดท้อง หรือ ตกขาว ที่ผิดปกติได้ ซึ่ง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย
4.ฮอร์โมน ไทรอยด์ผิดปกติ ซึ่งจะต้องทีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใจสั่น กินจุ น้ำหนักลด หรือ ฮอร์โมนจากรังไข่ผิดปกติ อาจทำให้ไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่มา หรือมาแบบกระปริบกระปรอย เป็นต้นครับ
5. โรคทางการกินที่ผิดปกติ (anorexia) ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง หากอดอาหาร หรือทานอาหารไม่ถูกวิธีนานๆ จะทำให้ขาดประจำเดือนได้ครับ
ถ้าคนไข้มีอาการต่างๆที่ผิดปกติดังที่กล่าวไป แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
หากประจำเดือนมาล่าช้ากว่าปกติ และไม่ได้เป็นมาติดต่อกันนานเกิน 3 ครั้ง ก็ให้รอดูอาการก่อนได้ครับ หากเกิน 3 เดือนประจำเดือนไม่มา แนะนำให้ไปตรวจร่างกาย และตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ
อนึ่ง การทำใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ระมัดระวังเรื่องการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่แพทย์ไม่ได้สั่ง และออกกำลังกาย จะช่วยให้สมดุลฮอร์โมนดีและทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์นั้นสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- มีการบาดเจ็บของช่องคลอดหรือปากมดลูกจากการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง
- มีภาวะปากมดลูกปลิ้น ซึ่งเป็นภาวะปกติของผู้หญิงบางคน แต่ส่งผลให้มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ง่าย
- มีการอักเสบติดเชื้อของช่องคลอดหรืออุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง เช่น เริม หนองใน ซิฟิลิส
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- เนื้องอกมดลูก
- ติ่งเนื้อหรือมะเร็งที่ปากมดลูก
ถ้าหากเลือดที่ออกมานั้นออกมาในปริมาณมาก หยุดยาก ออกมาติดต่อกันหลายวัน หรือมีอาการเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์อยู่บ่อยๆ หมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุก่อนครับ
ส่วนการขาดประจำเดือนนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุรวมถึงการตั้งครรภ์ครับ ดังนั้นในเบื้องต้นหมอก็แนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ถ้าหากตรวจแล้วไม่มีการตั้งครรภ์ก็ควรไปพบแพทย์ในกรณีที่ประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนหรือมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เเล้วการที่เรากินน้ำเย็นต่อเนื่องเป้นเวลานาน จะส่งผลต่อการทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือเปล่าค่
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
การทานน้ำเย็น ไม่ส่วผลต่อประจำเดือนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หลังมีเพศสัมพัน หนูมีเลือดออกมาอ้ะค้ะ คุณหมอ เเล้วอีกอย่างประจำเดือนก็ยังไม่มาด้วย
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)